Customer Reviews
ไลท์โนเวลแนวตัวเอกรั่วกู้โลกสุดมัน อ่านแล้วขำไปบ้าไปกับพลังกู้โลกแบบนี้ ใครชอบแนวนี้จัดไป
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อไอ้หนุ่มสุดหื่นนามว่า มิยาตะ ชินโง ที่ได้รับพลังแปลกๆ จากพระเจ้าที่ดูท่าจะไม่เอาไหนในการช่วยเหลือโลกจากการรุกรานของมนุษย์ต่างดาว ทว่า ด้วยความไม่เชื่อในพลังที่ได้รับนั้นเลยขอไปเป็นพลังในการเปิดกระโปรงซะงั้น ซึ่งทำให้หมอนั้นได้พลังอันแสนไร้ประโยชน์มา ท่ามกลางเหล่าพรรคพวกที่ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มประหลาดได้แก่ หญิงสาวที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่มีพลังในการรับรู้ถึงภัยอันตรายและมีสองบุคลิก เด็กประถมที่มีพลังในการสะท้อนสิ่งต่างๆหรือบาเรีย โอตาคุที่มีพลังในการเทเลพล็อต และหมาที่มีพลังในการแยกร่าง พวกเขาต้องร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับวิกฤตของโลกที่เผอิญคนที่ปรากฏตัวมานั้นก็คือ
เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรโลกอีกมิตินามว่า รีน่านั้นเอง
พออ่านเนื้อเรื่องหลายคนคงนั่งคิดว่า เนื้อเรื่องเดิม ๆ อีกแล้วเหรอ แบบพระเอกได้รับพลังมาปกป้องโลก แต่ถ้าคิดเป็นเดิมๆ แบบที่เรารุ้คงไม่ใช่ญี่ปุ่นครับ เพราะเรื่องนี้มัน
มันบ้าได้ใจครับ
มันบ้ามากครับ บ้าแบบสุด ๆ เอาชนิดว่า แค่บอกว่า มันขอพลังเปิดกระโปรงนี่ใครก็คิดว่ามันบ้าแล้วครับ พลังดีๆมีเยอะแยะไม่เอาดันเอาพลังนี้ซะงั้น นอกจากตัวละครอื่นๆ ก็มีทีท่าไม่ปกติกันทั้งนั้นครับ แม้แต่องคืหญิงเองที่ไปเอาตำรารักมาจากการ์ตูน โอ้ วุ่นวายครับ
ดังนั้นจะพูดได้ว่า นิยายเรื่องมีจุดเด่นที่คาแรกเตอร์บ้าๆ ที่อ่านแล้วจดจำได้ และเนื้อเรื่องที่อ่านได้ไหลลื่นมากๆ
พูดง่ายๆ ว่า สนุกครับ
เพราะฉากบู้ก็ทำได้ดี ฉากฮ่าก็ทำได้โอเคเหมือนกัน เป็นอะไรที่แบบว่า สมบูรณ์แบบเพียงแต่เนื้อเรื่องอาจจะซ้ำไปหน่อย แต่ช่างมัน
เพราะนิยายมันไปไกลมากแล้วจริง
ใครจะคิดว่า ไอ้ลามกอย่างพระเอกจะเป็นฮีโร่ได้ และไอ้พลังแบบนี้จะมีประโยชน์ในการต่อสู้จริงๆได้
ซึ่งในเรื่องนี้มันจะเฉลยว่ามีประโยชน์ยังไงครับ
เพราะฉะนั้นลองจัดมาอ่านสักเล่มครับ และจะพบกับความสนุกตลอดเล่มแน่นอนครับ
เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรโลกอีกมิตินามว่า รีน่านั้นเอง
พออ่านเนื้อเรื่องหลายคนคงนั่งคิดว่า เนื้อเรื่องเดิม ๆ อีกแล้วเหรอ แบบพระเอกได้รับพลังมาปกป้องโลก แต่ถ้าคิดเป็นเดิมๆ แบบที่เรารุ้คงไม่ใช่ญี่ปุ่นครับ เพราะเรื่องนี้มัน
มันบ้าได้ใจครับ
มันบ้ามากครับ บ้าแบบสุด ๆ เอาชนิดว่า แค่บอกว่า มันขอพลังเปิดกระโปรงนี่ใครก็คิดว่ามันบ้าแล้วครับ พลังดีๆมีเยอะแยะไม่เอาดันเอาพลังนี้ซะงั้น นอกจากตัวละครอื่นๆ ก็มีทีท่าไม่ปกติกันทั้งนั้นครับ แม้แต่องคืหญิงเองที่ไปเอาตำรารักมาจากการ์ตูน โอ้ วุ่นวายครับ
ดังนั้นจะพูดได้ว่า นิยายเรื่องมีจุดเด่นที่คาแรกเตอร์บ้าๆ ที่อ่านแล้วจดจำได้ และเนื้อเรื่องที่อ่านได้ไหลลื่นมากๆ
พูดง่ายๆ ว่า สนุกครับ
เพราะฉากบู้ก็ทำได้ดี ฉากฮ่าก็ทำได้โอเคเหมือนกัน เป็นอะไรที่แบบว่า สมบูรณ์แบบเพียงแต่เนื้อเรื่องอาจจะซ้ำไปหน่อย แต่ช่างมัน
เพราะนิยายมันไปไกลมากแล้วจริง
ใครจะคิดว่า ไอ้ลามกอย่างพระเอกจะเป็นฮีโร่ได้ และไอ้พลังแบบนี้จะมีประโยชน์ในการต่อสู้จริงๆได้
ซึ่งในเรื่องนี้มันจะเฉลยว่ามีประโยชน์ยังไงครับ
เพราะฉะนั้นลองจัดมาอ่านสักเล่มครับ และจะพบกับความสนุกตลอดเล่มแน่นอนครับ
ผลงานเรื่องสั้นจากผู้เขียนคินดะอิจิ กับเรื่องสั้นว่าด้วยนางจอมโจรปริศนาที่เกี่ยวข้องกับฆาตกรรมปริศนาที่จะเฉลยว่า ใครคือ จอมโจรมายาคนนั้น
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 09 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
เรื่องราวการฆาตกรรมนักแสดงสาวคนหนึ่งเกิดขึ้นในโรงแรมแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดยผู้ต้องสงสัยคือ นางโจรมายา โจรสาวที่ก่อคดีฆาตกรรมและปล้นไปทั่วโลกและไม่มีใครรู้ตัวจริงของเธอเลย มิซุงิ นักข่าวหนุุ่มต้องการไขคดีให้ได้ เขากับอาจารย์ยูริจึงต้องร่วมมือกันเพื่อไขปริศนานี้ให้จงได้
ใครคือ นางโจรมายา ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้และ มีบางอย่างซ่อนอยู่หลังเหตุการณ์นี้หรือไม่
ผลงานเรื่องสั้นของ โยโคมิโซะ เซชิ ผู้เขียน คินดะอิจิ รุ่นปู่ที่ใครต้องรู้จักเป็นผลงานแนวสืบสวนที่มาพร้อมกับปกสวยงามของ สนพ นี้ที่ออกมาได้อย่างโดดเด่นทีเดียวครับ รวมทั้งเรื่องสั้นนี้ที่เสมือนเป็นตัวตนแบบของจอมโจรสุภาพบุรุษหนึ่งในตัวละครสุดคลาสสิคของ คินดะอิจิ รุ่นหลานครับ หากจะมองว่า นี่คือ แรงบันดาลใจของเรื่องนั้นก็ย่อมได้ครับ ซึ่งเนื้อหาของมันก็ทำออกมาได้ดีเลยครับ ทั้งการหลอกตีหัวคนดูของอ. เซชิ ยังทำงานได้ดีเหมือนเดิม แถมทำออกมาได้ค่อนข้างน่าประหลาดใจดีด้วยว่า เอาแบบนี้เลยเหรอ จารย์ คือ อ่านแล้วต้องปรบมือครับ ไม่แปลกที่คินดะอิจิจะเป็นนิยายสืบสวนชื่อดังได้ ก็เพราะ กลวิธีการเล่าเรื่องของ อาจารย์ แกนี่ล่ะครับที่หลอกคนดูเสียอยู่หมัดเลย แถมยังบรรยายโศกนาฏกรรมของตัวละครในเรื่องออกมาได้แบบน่ารันทดใจอีกต่างหาก
แน่ล่ะว่า งานของอ. แกยังวนเวียนอยู่กับการพาเราไปพบโศกนาฏกรรมของตัวละครแบบไม่ยั้งมือใด ๆ ทั้งสิ้นครับ แน่ล่ะว่า หลังอ่านจบแล้วต้องรู้สึกว่า บางครั้งในความตายก็มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่เสมอ ซึ่งอยู่ที่ว่าเราจะเข้าใจและเรียนรู้มันได้แค่ไหนครับ
สรุปก็คือ ใครชอบงานของอ.เซชิจัดได้เลยครับ ไม่ต้องห่วง
ใครคือ นางโจรมายา ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้และ มีบางอย่างซ่อนอยู่หลังเหตุการณ์นี้หรือไม่
ผลงานเรื่องสั้นของ โยโคมิโซะ เซชิ ผู้เขียน คินดะอิจิ รุ่นปู่ที่ใครต้องรู้จักเป็นผลงานแนวสืบสวนที่มาพร้อมกับปกสวยงามของ สนพ นี้ที่ออกมาได้อย่างโดดเด่นทีเดียวครับ รวมทั้งเรื่องสั้นนี้ที่เสมือนเป็นตัวตนแบบของจอมโจรสุภาพบุรุษหนึ่งในตัวละครสุดคลาสสิคของ คินดะอิจิ รุ่นหลานครับ หากจะมองว่า นี่คือ แรงบันดาลใจของเรื่องนั้นก็ย่อมได้ครับ ซึ่งเนื้อหาของมันก็ทำออกมาได้ดีเลยครับ ทั้งการหลอกตีหัวคนดูของอ. เซชิ ยังทำงานได้ดีเหมือนเดิม แถมทำออกมาได้ค่อนข้างน่าประหลาดใจดีด้วยว่า เอาแบบนี้เลยเหรอ จารย์ คือ อ่านแล้วต้องปรบมือครับ ไม่แปลกที่คินดะอิจิจะเป็นนิยายสืบสวนชื่อดังได้ ก็เพราะ กลวิธีการเล่าเรื่องของ อาจารย์ แกนี่ล่ะครับที่หลอกคนดูเสียอยู่หมัดเลย แถมยังบรรยายโศกนาฏกรรมของตัวละครในเรื่องออกมาได้แบบน่ารันทดใจอีกต่างหาก
แน่ล่ะว่า งานของอ. แกยังวนเวียนอยู่กับการพาเราไปพบโศกนาฏกรรมของตัวละครแบบไม่ยั้งมือใด ๆ ทั้งสิ้นครับ แน่ล่ะว่า หลังอ่านจบแล้วต้องรู้สึกว่า บางครั้งในความตายก็มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่เสมอ ซึ่งอยู่ที่ว่าเราจะเข้าใจและเรียนรู้มันได้แค่ไหนครับ
สรุปก็คือ ใครชอบงานของอ.เซชิจัดได้เลยครับ ไม่ต้องห่วง
ผลงานนิยายสืบสวนชื่อดังจากญี่ปุ่นที่พาเรากระโจนไปพบกับเรื่องราวของตำรวจสาวคนหนึ่งที่ต้องกลายเป็นเป้าหมายเพื่อสืบสวนคดีปริศนาให้ได้
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 09 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ต้องบอกว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยนวนิยายสืบสวนชั้นดีจริง ๆ ครับ คือ ถ้าเรากำลังมองหานิยายแนวนี้แล้วญี่ปุ่นนับได้ว่า เป็นประเทศที่มีงานประเภทนี้ออกมาอย่างมากมาย แน่ล่ะว่า จุดที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นที่สนใจก็คือ แนวนิยายของเขานั้นนอกจากจะเป็นแนวสืบสวนแล้วยังผสานเรื่องเหนือธรรมชาติและสยองขวัญไปพร้อม ๆ กันด้วย อย่างเช่นนวนิยายเรื่องนี้ที่เป็นผลงานขายดีถึง 1 ล้านเล่มในญี่ปุ่นทีเดียว
เรื่องราวของตำรวจสาวนามว่า คาวาโนะ อาสึกะ ตำรวจสาวมือปราบที่ได้รับคำสั่งให้ไปคุ้มครองคันซากิ ฮัทสึมิ อดีตคนรักของบอสใหญ่แก๊งค์ยากูซ่าและองค์กรยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุด ไคลน์ เพื่อพาตัวมายังญี่ปุ่น แน่ล่ะว่า ตัวของฮัทสึมิและอาสึกะนั้นแทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย อาสึกะเป็นตำรวจสาวร่างใหญ่ที่กังวลกับตัวเองไม่ใช่น้อย แถมเธอกำลังเตรียมแต่งงานกับนิโอ ตำรวจหนุ่มในกรมอีกต่างหาก ขณะที่ฮัทสึมิเป็นสาวสวยที่ใครต้องเหลียวมอง แถมนิสัยทั้งคู่ยังไม่เข้ากันอีกต่างหาก ทว่าโชคชะตาเหมือนเล่นตลกเมื่อ อาสึกะและฮัทสึมิได้ถูกพวกของไคลน์ลอบสังหารทั้งคู่ โดยอาสึกะถูกยิงจนร่างพรุน ส่วน อาสึกะถึงยิงสมองจนถึงตาย แต่เพราะ อาสึกะยังไม่ตาย หัวหน้าของเธอและทีมแพทย์จึงช่วยชีวิตของเธอด้วยการผ่าตัดย้ายสมองของเธอเข้าไปในร่างของฮัทสึมิแทน
และอาสึกะในร่างของฮัทสึมิก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเริ่มภารกิจในการตามล่าบอสใหญ่ขององค์กรยาเสพติดนี้ให้ได้ โดยที่เธอต้องปิดเป็นความลับแม้กระทั่งว่าที่สามีของตัวเองอย่าง นิโอ ด้วย
เรื่องราวของเธอจะเป็นเช่นไร
ครับ ต้องบอกว่า เป็นนิยายสืบสวนอาชญากรรมที่สนุกมากครับ ถึงเล่มจะหนาไปหน่อย แต่อ่านเพลินดี แถมยังสนุกครับ เพราะ นอกจากมีประเด็นสืบสวนแล้ว มันยังพาเราไปเจาะสำรวจจิตใจของอาสึกะในร่างของฮัทสึมิได้น่าสนใจว่า เมื่อเธอได้มาอยู่ในร่างคนอื่นเพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไปนั้น เธอต้องรู้สึกยังไง เธอต้องพบว่า การต้องปิดบังกระทั่งคนรักว่า เธอตอนนี้คือใครมันเจ็บปวดแค่ไหน เธอได้เรียนรู้ที่จะรักคนรักของเธออีกครั้งพร้อมกับทำความรู้จักกับตัวตนใหม่ของเธอนี้ไปพร้อมกัน แน่ล่ะว่า ความโดดเด่นของมันคือ การพาเราไปสำรวจสิ่งเหล่านี้ครับ ซึ่งตัวเนื้อหามันทำได้ดีมาก ๆ จนเราต้องปรบมือกันเลย และเมื่ออ่านจบก็รู้สึกเสียดายว่า จบเร็วไปหน่อยด้วยซ้ำครับ
ใครชอบแนวสืบสวนอันแสนชวนหัวนี้ก็จัดไปครับ รับรองว่า สนุกสนานแน่นอน
เรื่องราวของตำรวจสาวนามว่า คาวาโนะ อาสึกะ ตำรวจสาวมือปราบที่ได้รับคำสั่งให้ไปคุ้มครองคันซากิ ฮัทสึมิ อดีตคนรักของบอสใหญ่แก๊งค์ยากูซ่าและองค์กรยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุด ไคลน์ เพื่อพาตัวมายังญี่ปุ่น แน่ล่ะว่า ตัวของฮัทสึมิและอาสึกะนั้นแทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย อาสึกะเป็นตำรวจสาวร่างใหญ่ที่กังวลกับตัวเองไม่ใช่น้อย แถมเธอกำลังเตรียมแต่งงานกับนิโอ ตำรวจหนุ่มในกรมอีกต่างหาก ขณะที่ฮัทสึมิเป็นสาวสวยที่ใครต้องเหลียวมอง แถมนิสัยทั้งคู่ยังไม่เข้ากันอีกต่างหาก ทว่าโชคชะตาเหมือนเล่นตลกเมื่อ อาสึกะและฮัทสึมิได้ถูกพวกของไคลน์ลอบสังหารทั้งคู่ โดยอาสึกะถูกยิงจนร่างพรุน ส่วน อาสึกะถึงยิงสมองจนถึงตาย แต่เพราะ อาสึกะยังไม่ตาย หัวหน้าของเธอและทีมแพทย์จึงช่วยชีวิตของเธอด้วยการผ่าตัดย้ายสมองของเธอเข้าไปในร่างของฮัทสึมิแทน
และอาสึกะในร่างของฮัทสึมิก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเริ่มภารกิจในการตามล่าบอสใหญ่ขององค์กรยาเสพติดนี้ให้ได้ โดยที่เธอต้องปิดเป็นความลับแม้กระทั่งว่าที่สามีของตัวเองอย่าง นิโอ ด้วย
เรื่องราวของเธอจะเป็นเช่นไร
ครับ ต้องบอกว่า เป็นนิยายสืบสวนอาชญากรรมที่สนุกมากครับ ถึงเล่มจะหนาไปหน่อย แต่อ่านเพลินดี แถมยังสนุกครับ เพราะ นอกจากมีประเด็นสืบสวนแล้ว มันยังพาเราไปเจาะสำรวจจิตใจของอาสึกะในร่างของฮัทสึมิได้น่าสนใจว่า เมื่อเธอได้มาอยู่ในร่างคนอื่นเพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไปนั้น เธอต้องรู้สึกยังไง เธอต้องพบว่า การต้องปิดบังกระทั่งคนรักว่า เธอตอนนี้คือใครมันเจ็บปวดแค่ไหน เธอได้เรียนรู้ที่จะรักคนรักของเธออีกครั้งพร้อมกับทำความรู้จักกับตัวตนใหม่ของเธอนี้ไปพร้อมกัน แน่ล่ะว่า ความโดดเด่นของมันคือ การพาเราไปสำรวจสิ่งเหล่านี้ครับ ซึ่งตัวเนื้อหามันทำได้ดีมาก ๆ จนเราต้องปรบมือกันเลย และเมื่ออ่านจบก็รู้สึกเสียดายว่า จบเร็วไปหน่อยด้วยซ้ำครับ
ใครชอบแนวสืบสวนอันแสนชวนหัวนี้ก็จัดไปครับ รับรองว่า สนุกสนานแน่นอน
ภาคเสริมของมังงะชื่อดังอย่าง DeathNote ที่พาเราไปพบกันครั้งแรกของ L และเจ้าหน้าที่สาวมิโซระนาโอมิก่อนเกิดคดีคิระกับฆาตกรรมต่อเนื่องสุดสยอง
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 21 มกราคม พ.ศ. 2558
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้า FBI มิโซระ นาโอมิ ต้องเข้าสืบเหตุการณ์ฆาตกรรมต่อเนื่องในลอสแองเจิลลิสที่ที่มีการฆาตกรรหุ่นฟางเกิดขึ้นและมีคนตายไปถึงสามศพด้วยลักษณะการฆ่าที่อำมหิต
มิโซระ นาโอมิได้รับความร่วมมือกับแอลให้สืบคดีนี้และระหว่างที่สืบนั่นเองเธอได้พบกับนักสืบหนุ่มท่าทางประหลาดนามว่า ริวซากิ แอล
ทั้งสองคนจึงร่วมมือสืบคดีด้วยกันเพื่อตามจำฆาตกรที่ชื่อว่า B
หรือ บียอร์น เบิร์ดเดย์นั่นเอง
จะพูดไงดี นิยายเล่มนี้เป็นการขยายโลกของเดธโน๊ตให้กว้างออกมาอีก ซึ่งทำให้เราได้เห็นว่าทำไมแอลถึงรู้จักมิโซระ นาโอมิและเชื่อใจเธอมากขนาดนั่น ซึ่งเป็นผลมาจากคดีนี้เองที่เราได้เห็นว่า
เหตุใดแอลทั้งคู่จึงรู้จักกันดีแบบนี้
นอกจากนี้มันยังพูดถึงตัวละครที่เกี่ยวข้องกับเดธโน๊ตก่อนปรากฏการณ์คิระออกมานั้นก็คือ
ตัวละครที่นัยน์ตายมทูตนั่นเอง
ซึ่งภาคนี้ดันมีตัวละครที่มีนัยน์ตายมทูตด้วยและเป็นตัวฆาตกรที่ชื่อว่า บียอร์น เบริ์ดเดย์นั่นเอง
ซึ่งจะว่าไปนี่เป็นการชิงไหวชิงพริบระหว่างตัวละครแอลหรือ BB ที่มีมิโซระ นาโอมิเป็นจุดศูนย์กลางที่อ่านแล้วสนุกมากครับ ใครจะคิดว่าเนื้อเรื่องมันจะพลิกไปพลิกมาได้ขนาดนี้
แถมยังเห็นแง่มุมของมิโซระ นาโอมิ ว่า ถ้าเธออยู่ในเรื่องและได้สืบสวนกับแอลจริง ๆ คดีคิระอาจจะจบลงไปอีกมุมหนึ่งก็ได้
สรุปรวมเป็นนิยายสืบสวนที่แฟนเดธโน๊ตไม่ควรพลาดครับแต่ใครไม่อ่านเดธโน๊ตก็น่าลองอ่านเหมือนกัน เพราะ สนุกใช้ได้เลย
มิโซระ นาโอมิได้รับความร่วมมือกับแอลให้สืบคดีนี้และระหว่างที่สืบนั่นเองเธอได้พบกับนักสืบหนุ่มท่าทางประหลาดนามว่า ริวซากิ แอล
ทั้งสองคนจึงร่วมมือสืบคดีด้วยกันเพื่อตามจำฆาตกรที่ชื่อว่า B
หรือ บียอร์น เบิร์ดเดย์นั่นเอง
จะพูดไงดี นิยายเล่มนี้เป็นการขยายโลกของเดธโน๊ตให้กว้างออกมาอีก ซึ่งทำให้เราได้เห็นว่าทำไมแอลถึงรู้จักมิโซระ นาโอมิและเชื่อใจเธอมากขนาดนั่น ซึ่งเป็นผลมาจากคดีนี้เองที่เราได้เห็นว่า
เหตุใดแอลทั้งคู่จึงรู้จักกันดีแบบนี้
นอกจากนี้มันยังพูดถึงตัวละครที่เกี่ยวข้องกับเดธโน๊ตก่อนปรากฏการณ์คิระออกมานั้นก็คือ
ตัวละครที่นัยน์ตายมทูตนั่นเอง
ซึ่งภาคนี้ดันมีตัวละครที่มีนัยน์ตายมทูตด้วยและเป็นตัวฆาตกรที่ชื่อว่า บียอร์น เบริ์ดเดย์นั่นเอง
ซึ่งจะว่าไปนี่เป็นการชิงไหวชิงพริบระหว่างตัวละครแอลหรือ BB ที่มีมิโซระ นาโอมิเป็นจุดศูนย์กลางที่อ่านแล้วสนุกมากครับ ใครจะคิดว่าเนื้อเรื่องมันจะพลิกไปพลิกมาได้ขนาดนี้
แถมยังเห็นแง่มุมของมิโซระ นาโอมิ ว่า ถ้าเธออยู่ในเรื่องและได้สืบสวนกับแอลจริง ๆ คดีคิระอาจจะจบลงไปอีกมุมหนึ่งก็ได้
สรุปรวมเป็นนิยายสืบสวนที่แฟนเดธโน๊ตไม่ควรพลาดครับแต่ใครไม่อ่านเดธโน๊ตก็น่าลองอ่านเหมือนกัน เพราะ สนุกใช้ได้เลย
นิยายแนวลึกลับสยองขวัยอันว่าด้วยพิธีอัญเชิญเทพสุดสยองที่ท้าทายความอยากรู้ของคนอ่านทุกตัวอักษร
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 21 มกราคม พ.ศ. 2558
การเข้าค่ายฝึกตนของนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งต้องหยุดชะงักเมื่อมีมีนักเรียนหนึ่งในนั้นเสียชีวิตลงด้วยสาเหตุตกจากที่สูงทั้งที่บริเวณรอบข้างไม่มีที่สูงให้กระโดดเลย ทำไมเธอถึงตาย นั้นเองส่งผลให้เกิดการตายขึ้นต่อเนื่องในหมู่นักเรียนกลุ่มนั้น แน่นอนว่า มีความเกี่ยวข้องกับพิธีผูกสัมพันธ์ที่หลายคนร่ำลือกันในโรงเรียนตอนนี้ นั้นเองที่ทำให้หนึ่งในนักเรียนกลุ่มนี้ได้แก่ คุริว ฮิซุมิ ชายหนุ่มผู้มีเชื่อในเทพเจ้ากับเพื่อนสมัยเด็กที่ห่างเหินกันไปนานแล้วอย่าง ชิคิโยมิ มิโคโตะ ผู้ทำหน้าที่เป็นมิโกะแห่งศาลเจ้าชิคิโยมิของในเมืองต้องร่วมมือกันสืบหาตัวฆาตกรและสาเหตุความตายที่แท้จริงให้ได้ก่อนที่ความตายนั้นจะย้อนมาเล่นงานพวกเขาเองด้วย
ใครล่ะที่อยู่เบื้องหลังการกระทำนี้้ คนงั้นเหรอ
หรือว่า เทพเจ้ากันแน่
ครับ สำหรับเรื่องนี้แล้วแน่นอนว่าเป็นผลงานใหม่ของคนเขียน สึคึโมโดะ ร้านวัตถุโบราณพิศวงครับ ซึ่งก็ยังคงคอนเซ็ปแนวสาวน้อยผู้ลึกลับกับอาถรรพ์เหนือธรรมชาติเหมือนเดิม แน่นอนว่า ตัวละครเอกยังคงไปวุ่นวายกับสิ่งเหนือธรรมชาติที่คราวนี้เป็นเทพเจ้าในตำนานของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ซึ่งจะว่าไปแล้วโนเวลเรื่องนี้ก็สะท้อนภาพความเชื่อของคนญี่ปุ่นให้เราได้เข้าใจและสนใจได้ดีไม่ใช่น้อย เพราะอย่างที่เห็นคือ ภาพนี้มันได้สะท้อนภาพของเทพเจ้าว่า เกิดขึ้นจากตำนานเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมา แน่นอนว่าเมื่อเป็นเรื่องเล่าก็ยังมีการบิดผันไปมาตามกาลเวลา เรื่องเล่ามีการผิดถูกว่ากันไปเกิดเป็นข่าวลือหรือตำนานเมืองที่เล่ากันมาเป็นต้น
ดั่งเช่น ตำนานเทพแห่งความรักในเรื่องนี้ที่มีการเล่าบิดผันไปหลายเวอร์ชั่นมากจนยากจะหาตำนานแท้จริงได้
แน่นอนว่าเลยมีเรื่องราวก่อเกิดขึ้นในช่วงนั้น
แน่นอนว่า พิธีผูกสัมพันธ์ในเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจากตรงนั้นเช่นกันครับ
แน่นอนว่า ความโดดเด่นของเรื่องนี้คือ แม้ว่าจะมีแฟนตาซีใส่เข้ามาในเรื่องอย่าง เทพเจ้า วิญญาณหรืออื่น ๆ แต่สิ่งที่คนเขียนเรื่องนี้ไม่ได้ละเลยอะไรก็คือ การเน้่นไปสำรวจจิตใจของตัวละครในเรื่องที่ต่างมีบาดแผลในจิตใจกันทั้งสิ้น
แน่นอนว่า คุริวเองก็มีบาดแผลที่ยากจะเยียวยาและทำให้เขาไม่เชื่อในเทพเจ้าอีกเลยเหมือนกัน และนั้นเองที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนสมัยเด็กอย่าง มิโคโตะห่างเหินไปด้วย
ซึ่งในโนเวลเล่มนี้จะยังไม่เฉลยว่าเกิดอะไรขึ้นวันนั้น
แต่สิ่งที่โนเวลเรื่องนี้พูดถึงก็คือ ความรักและความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นสิ่งที่เปราะบางและพร้อมจะทำลายคนอื่นเสมอ หากไม่สามารถดูแลความสัมพันธ์นั้น
ความรักก็พร้อมที่จะกลายเป็นคมหอกนรกที่จะทิ่มแทงคนรอบข้างให้ดับดิ้นทรมานไปพร้อม ๆ กันเช่นกัน
ครับ แน่นอนว่าตอนจบของมันก็คือ การคลายปริศนาของเรื่องว่ามันเกิดจากอะไร แต่แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้น่าสนใจก็คือ ความสัมพันธ์ที่เหมือนเชือกแห่งความสัมพันธ์ของมิโคโตะกับคุริวที่เคยขาดไปแล้วดูเหมือนพวกเขาจะเชื่อมต่อกลับมาหากันอีกครั้งหนึ่งแล้วครับ
ดูเหมือนว่า เทพเจ้าจะทำให้พวกเขากลับมาคบหากันในฐานะเพื่อนอีกครั้งหลังจากห่างเหินไปนาน
น่าสนใจว่า ความสัมพันธ์ของสองคนนี้จะพัฒนากันไปถึงไหน
สรุปรวมแล้ว นอกจากเนื้อหาที่น่าสนใจแล้วโนเวลนี้ยังโดดเด่นที่การสร้างความสัมพันธ์ของสองคนนี้ด้วยครับ เยี่ยมจริง ๆ
เสียดายที่ตอนจบง่ายไปไหน (แถมรีบเฉลยมาก ๆ) แต่รวม ๆ แล้วใครชอบนิยายสืบสวนลึกลับแบบ GOTH พวกนี้ เรื่องนี้ไม่ควรพลาดครับ
ใครล่ะที่อยู่เบื้องหลังการกระทำนี้้ คนงั้นเหรอ
หรือว่า เทพเจ้ากันแน่
ครับ สำหรับเรื่องนี้แล้วแน่นอนว่าเป็นผลงานใหม่ของคนเขียน สึคึโมโดะ ร้านวัตถุโบราณพิศวงครับ ซึ่งก็ยังคงคอนเซ็ปแนวสาวน้อยผู้ลึกลับกับอาถรรพ์เหนือธรรมชาติเหมือนเดิม แน่นอนว่า ตัวละครเอกยังคงไปวุ่นวายกับสิ่งเหนือธรรมชาติที่คราวนี้เป็นเทพเจ้าในตำนานของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ซึ่งจะว่าไปแล้วโนเวลเรื่องนี้ก็สะท้อนภาพความเชื่อของคนญี่ปุ่นให้เราได้เข้าใจและสนใจได้ดีไม่ใช่น้อย เพราะอย่างที่เห็นคือ ภาพนี้มันได้สะท้อนภาพของเทพเจ้าว่า เกิดขึ้นจากตำนานเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมา แน่นอนว่าเมื่อเป็นเรื่องเล่าก็ยังมีการบิดผันไปมาตามกาลเวลา เรื่องเล่ามีการผิดถูกว่ากันไปเกิดเป็นข่าวลือหรือตำนานเมืองที่เล่ากันมาเป็นต้น
ดั่งเช่น ตำนานเทพแห่งความรักในเรื่องนี้ที่มีการเล่าบิดผันไปหลายเวอร์ชั่นมากจนยากจะหาตำนานแท้จริงได้
แน่นอนว่าเลยมีเรื่องราวก่อเกิดขึ้นในช่วงนั้น
แน่นอนว่า พิธีผูกสัมพันธ์ในเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจากตรงนั้นเช่นกันครับ
แน่นอนว่า ความโดดเด่นของเรื่องนี้คือ แม้ว่าจะมีแฟนตาซีใส่เข้ามาในเรื่องอย่าง เทพเจ้า วิญญาณหรืออื่น ๆ แต่สิ่งที่คนเขียนเรื่องนี้ไม่ได้ละเลยอะไรก็คือ การเน้่นไปสำรวจจิตใจของตัวละครในเรื่องที่ต่างมีบาดแผลในจิตใจกันทั้งสิ้น
แน่นอนว่า คุริวเองก็มีบาดแผลที่ยากจะเยียวยาและทำให้เขาไม่เชื่อในเทพเจ้าอีกเลยเหมือนกัน และนั้นเองที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนสมัยเด็กอย่าง มิโคโตะห่างเหินไปด้วย
ซึ่งในโนเวลเล่มนี้จะยังไม่เฉลยว่าเกิดอะไรขึ้นวันนั้น
แต่สิ่งที่โนเวลเรื่องนี้พูดถึงก็คือ ความรักและความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นสิ่งที่เปราะบางและพร้อมจะทำลายคนอื่นเสมอ หากไม่สามารถดูแลความสัมพันธ์นั้น
ความรักก็พร้อมที่จะกลายเป็นคมหอกนรกที่จะทิ่มแทงคนรอบข้างให้ดับดิ้นทรมานไปพร้อม ๆ กันเช่นกัน
ครับ แน่นอนว่าตอนจบของมันก็คือ การคลายปริศนาของเรื่องว่ามันเกิดจากอะไร แต่แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้น่าสนใจก็คือ ความสัมพันธ์ที่เหมือนเชือกแห่งความสัมพันธ์ของมิโคโตะกับคุริวที่เคยขาดไปแล้วดูเหมือนพวกเขาจะเชื่อมต่อกลับมาหากันอีกครั้งหนึ่งแล้วครับ
ดูเหมือนว่า เทพเจ้าจะทำให้พวกเขากลับมาคบหากันในฐานะเพื่อนอีกครั้งหลังจากห่างเหินไปนาน
น่าสนใจว่า ความสัมพันธ์ของสองคนนี้จะพัฒนากันไปถึงไหน
สรุปรวมแล้ว นอกจากเนื้อหาที่น่าสนใจแล้วโนเวลนี้ยังโดดเด่นที่การสร้างความสัมพันธ์ของสองคนนี้ด้วยครับ เยี่ยมจริง ๆ
เสียดายที่ตอนจบง่ายไปไหน (แถมรีบเฉลยมาก ๆ) แต่รวม ๆ แล้วใครชอบนิยายสืบสวนลึกลับแบบ GOTH พวกนี้ เรื่องนี้ไม่ควรพลาดครับ
ใครจะคิดว่า ความตายจะมีเรื่องเล่าอันแสนชวนหัวและสนุก หนังสือเรื่องนี้คือ งานน่าสนใจที่รวบรวมความตายของชาวอเมริกันที่อ่านแล้วต้องอึ้ง
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 14 มกราคม พ.ศ. 2558
ประวัติศาสตร์ความตายเป็นผลงานแนวประวัติศาสตร์ที่ใช้กลเม็ดวิธีในการเขียนที่น่าสนใจอย่างยิ่ง หากจะมองภาพของมันแล้ว มันคือ งานหนังสือที่รวบรวมความตายของผู้คนชาวอเมริกันนานนับศตวรรษผ่านเรื่องราวที่ใช้วิธีเขียนออกมาได้น่าตกใจยิ่งว่า ความตายแบบนี้มีด้วยเหรอ
อาทิ เช่น
ยกตัวอย่าง การตายด้วยลูกโบว์ลิ่ง
กรณีศึกษาอย่างเช่นกำลังขับรถมาดี แต่จู่ ๆ มีลูกโบว์ลิ่งลอยทะลุกระจกมาใส่หน้าเข้าพอดีเลยตายเป็นต้น
หรือ การตายด้วยถุงลมนิรภัย
มีกระทาชายคนหนึ่งเสียชีวิตหลังประสบอุบัติเหตุ หลายคนคิดว่า คอหัก ทว่า จริงแล้ว เขาเสียชีวิตเพราะ ไม้อมยิ้มที่อมอยู่ไปขวางทางอากาศหายใจอันเนื่องมาจากแอร์แบ็กกระแทกเข้าปากตอนอุบัติเหตุนั้นเอง
อึ้งไหมครับ ?
หรือกรณีศึกษาอื่น ๆ ที่หนังสือพาเราไปไกลมากด้วยการพาเราไปสำรวจแง่มุมความตายว่า มันอยู่ใกล้เราอยู่มากแค่ไหน นั่งอยู่ ๆ เศษเครื่องบินตกลงมาทับตายยังเป็นไปได้เลย
รวมทั้งหนังสือพาเราไปพบกับความตายของเหล่าคนดังทั้งหลายที่รวบรวมมาให้เห็นว่า ความตายไม่เคยปราณีใครเลยจริง ๆ
ประดุจสุภาษิตที่ว่า สิ่งที่มนุษย์เท่าเทียมกันมากที่สุดคือ ความตาย
เพราะความตายไม่เคยแบ่งแยก ไม่เคยเลยที่จะสนใจว่าคนที่ตายคือใคร ดังแค่ไหน รวยแค่ไหน มันไม่สนใจ
นั่นเองทีทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นเสมือนอุทาหรณ์ไว้พึ่งระลึกเอาไว้ตลอดเวลาว่า ความตายอยู่คู่กับเราเสมอ ไม่ว่าจะอยุ่ที่ใด ในบ้าน บนรถ หรือเตียงนอนก็ตาม ความตายสามารถเอาเราไปได้เสมอ ซึ่งวิธีเดียวที่จะแก้ได้ก็คือ จงอย่างประมาทในชีวิตนั้นเอง และใช้ชีวิตทุก ๆ วันให้เต็มที่
จนกว่าความตายจะมาถึงเราในสักวันหนึ่ง
อาทิ เช่น
ยกตัวอย่าง การตายด้วยลูกโบว์ลิ่ง
กรณีศึกษาอย่างเช่นกำลังขับรถมาดี แต่จู่ ๆ มีลูกโบว์ลิ่งลอยทะลุกระจกมาใส่หน้าเข้าพอดีเลยตายเป็นต้น
หรือ การตายด้วยถุงลมนิรภัย
มีกระทาชายคนหนึ่งเสียชีวิตหลังประสบอุบัติเหตุ หลายคนคิดว่า คอหัก ทว่า จริงแล้ว เขาเสียชีวิตเพราะ ไม้อมยิ้มที่อมอยู่ไปขวางทางอากาศหายใจอันเนื่องมาจากแอร์แบ็กกระแทกเข้าปากตอนอุบัติเหตุนั้นเอง
อึ้งไหมครับ ?
หรือกรณีศึกษาอื่น ๆ ที่หนังสือพาเราไปไกลมากด้วยการพาเราไปสำรวจแง่มุมความตายว่า มันอยู่ใกล้เราอยู่มากแค่ไหน นั่งอยู่ ๆ เศษเครื่องบินตกลงมาทับตายยังเป็นไปได้เลย
รวมทั้งหนังสือพาเราไปพบกับความตายของเหล่าคนดังทั้งหลายที่รวบรวมมาให้เห็นว่า ความตายไม่เคยปราณีใครเลยจริง ๆ
ประดุจสุภาษิตที่ว่า สิ่งที่มนุษย์เท่าเทียมกันมากที่สุดคือ ความตาย
เพราะความตายไม่เคยแบ่งแยก ไม่เคยเลยที่จะสนใจว่าคนที่ตายคือใคร ดังแค่ไหน รวยแค่ไหน มันไม่สนใจ
นั่นเองทีทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นเสมือนอุทาหรณ์ไว้พึ่งระลึกเอาไว้ตลอดเวลาว่า ความตายอยู่คู่กับเราเสมอ ไม่ว่าจะอยุ่ที่ใด ในบ้าน บนรถ หรือเตียงนอนก็ตาม ความตายสามารถเอาเราไปได้เสมอ ซึ่งวิธีเดียวที่จะแก้ได้ก็คือ จงอย่างประมาทในชีวิตนั้นเอง และใช้ชีวิตทุก ๆ วันให้เต็มที่
จนกว่าความตายจะมาถึงเราในสักวันหนึ่ง
ไลท์โนเวลจากอนิเมะสุดแสนไร้สาระ แต่ไม่ไร้สาระเลยกับการเรื่องราวของเหล่าสภานักเรียนโรงเรียนที่แสนวุ่นวายที่ต้องลองอ่านครับ
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 14 มกราคม พ.ศ. 2558
ที่จริงผมดูเรื่องนี้มาจากอนิเมะแล้วและพบว่า มันเป็นอนิเมะที่ดูไน้สาระอย่างยิ่ง กับตัวละครโมเอะเท่านั่นไม่มีอะไรมากจนมารู้มันดัดแปลงมาจากนิยาย ผมก็สงสัยว่า นิยายมันจะมีสภาพแบบไหนกันนะ เพราะอนิเมะเป็นอนิเมะที่วันเห็นแต่ดำเนินชีวิตอยู่แต่ในสภานักเรียนอย่างเดียวไม่ได้มีอะไรเลย จนมาอ่านนิยายนี่ล่ะครับ
เรื่องราววุ่น ๆ ของสภานักเรียนโรงเรียนเฮคิโย ที่มีกลุ่มสภานักเรียนเป็นสาวสวยทั้งหมดสี่คนได้ ซากุระโนะ คริม ประธานนักเรียนตัวเล็กแสนโลลิ อาคาบะ จิซึรุ เลขาธิการมาดพี่สาวราชินี ชีนะ มินัตสึ ทอมบอยสาว ไม่เตี้ย ไม่แบน แต่ซึนมั่ง และ ชีนะ มาฟุยุ น้องสาวของมินัตสึ ผู้อ่อนโยนและเป็นสาววายและเกมเมอร์ขั้นเทพ
ซึ่งในกลุ่มสภานักเรียนนั่นมีชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวได้แก่ รองประธาน สึกิซากิ เคน ไอ้หนุ่มบ้าฮาเร็มที่ประกาศบอกสาว ๆ ทั้งสี่ว่า ชอบทั้งสี่คนและประกาศจะสร้างฮาเร็มในสภานักเรียนให้ได้
และแล้วเรื่องราววุ่น ๆ ของสภานักเรียนแห่งนี้ก็เริ่มขึ้น
ครับ ตอนแรกผมคิดว่า ไอ้นิยายที่วัน ๆ เอาแต่ล้อนิยาย การ์ตูน หนังคนอื่น ๆ นั่นจะเป็นนิยายแบบไหน เมื่อได้อ่านก็พบว่า
เออ เป็นนิยายที่เข้าใจง่ายแหะ
เรื่องราวไม่มีอะไรมากครับ เป็นการพูดคุยของคนในสภานักเรียนที่มักจะจุดประเด็นโดยประธานสุดโลลิคนนี้ และมักจะจบลงด้วยการเลยเทอญออกนอกเรื่องก่อนจะจบลงด้วยการความซวยของเจ้าสึคิซากิครับ
ซึ่งเรื่องจะดำเนินแบบนี้ไปทุกตอนครับ จนหลายคนบอกว่า มันขึ้นแบบนี้ทุกตอนเลยเว้ย
และเนื้อหาก็ไร้สาระไปวัน ๆ จนคิดว่า มันคงไม่ใช่นิยายที่ลึกซึ้งมั่ง
กระทั่งปมในเรื่องออกมา
อย่างในเล่มแรกนี่มีปมเกี่ยวกับสึคิซากิ เคน พระเอกของเรื่องเคยจับปลาสองมือมาก่อน ซึ่งเป็นข่าวลือแย่ ๆ ที่ไม่น่าเชื่อ
แต่เป็นเรื่องจริง
และข่าวนี้เคยทำให้ชีวิตของเขาพังทลายมาแล้ว
และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ สึกิซากิ เคน มุ่งมั่นจะสร้างฮาเร็มเพื่อจะทำให้หญิงสาวทุกคนมีความสุขให้ได้
เมื่อเราได้อ่านเนื้อเรื่องนี้เราจะพบว่า ถึงเจ้าเคนจะดูไม่น่าคบเพราะความเจ้าชู้
แต่มันเป็นคนดีที่น่าคบจริง ๆ ครับ
ไม่เช่นนั่นพวกสาว ๆ จะมาหลงมันทุกคนเหรอครับ
ยิ่งตอนที่มาฟูยุที่กลัวผู้ชายตบหน้าของพวกที่ว่าร้ายเขาโดยไม่กลัวเกรงนั่นแสดงภาพว่า ชายคนนี้เป็นคนที่มีคนรักและห่วงใยมากแค่ไหน
อีกอย่างที่ทำให้นิยายเรื่องนี้โดดเด่นก็คือ ภาษาที่อ่านง่ายและเรื่องราวที่พูดถึงความงดงามในชีวิตของโรงเรียนที่ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราสามารถมีมันได้เพียงครั้งเดียวเท่านั่น
ซึ่งเมื่อเราได้อ่านนิยายเราจะรู้สึกว่า
โรงเรียนนี้มีความสุขจริง ๆ
แต่เราก็รู้ว่า ความสุขนั่นไม่เคยจีรัง เช่นเดียวความทุกข์ นิยายเรื่องนี้จึงบอกว่า
จงใช้ชีวิตทุกวันอย่างสนุกสนานสิ
อย่าไปทุกข์อะไร เพราะอีกไม่นานทุกอย่างก็จะผ่านไป
เหมือนฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ
ลองหามาอ่านกันนะครับ
เรื่องราววุ่น ๆ ของสภานักเรียนโรงเรียนเฮคิโย ที่มีกลุ่มสภานักเรียนเป็นสาวสวยทั้งหมดสี่คนได้ ซากุระโนะ คริม ประธานนักเรียนตัวเล็กแสนโลลิ อาคาบะ จิซึรุ เลขาธิการมาดพี่สาวราชินี ชีนะ มินัตสึ ทอมบอยสาว ไม่เตี้ย ไม่แบน แต่ซึนมั่ง และ ชีนะ มาฟุยุ น้องสาวของมินัตสึ ผู้อ่อนโยนและเป็นสาววายและเกมเมอร์ขั้นเทพ
ซึ่งในกลุ่มสภานักเรียนนั่นมีชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวได้แก่ รองประธาน สึกิซากิ เคน ไอ้หนุ่มบ้าฮาเร็มที่ประกาศบอกสาว ๆ ทั้งสี่ว่า ชอบทั้งสี่คนและประกาศจะสร้างฮาเร็มในสภานักเรียนให้ได้
และแล้วเรื่องราววุ่น ๆ ของสภานักเรียนแห่งนี้ก็เริ่มขึ้น
ครับ ตอนแรกผมคิดว่า ไอ้นิยายที่วัน ๆ เอาแต่ล้อนิยาย การ์ตูน หนังคนอื่น ๆ นั่นจะเป็นนิยายแบบไหน เมื่อได้อ่านก็พบว่า
เออ เป็นนิยายที่เข้าใจง่ายแหะ
เรื่องราวไม่มีอะไรมากครับ เป็นการพูดคุยของคนในสภานักเรียนที่มักจะจุดประเด็นโดยประธานสุดโลลิคนนี้ และมักจะจบลงด้วยการเลยเทอญออกนอกเรื่องก่อนจะจบลงด้วยการความซวยของเจ้าสึคิซากิครับ
ซึ่งเรื่องจะดำเนินแบบนี้ไปทุกตอนครับ จนหลายคนบอกว่า มันขึ้นแบบนี้ทุกตอนเลยเว้ย
และเนื้อหาก็ไร้สาระไปวัน ๆ จนคิดว่า มันคงไม่ใช่นิยายที่ลึกซึ้งมั่ง
กระทั่งปมในเรื่องออกมา
อย่างในเล่มแรกนี่มีปมเกี่ยวกับสึคิซากิ เคน พระเอกของเรื่องเคยจับปลาสองมือมาก่อน ซึ่งเป็นข่าวลือแย่ ๆ ที่ไม่น่าเชื่อ
แต่เป็นเรื่องจริง
และข่าวนี้เคยทำให้ชีวิตของเขาพังทลายมาแล้ว
และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ สึกิซากิ เคน มุ่งมั่นจะสร้างฮาเร็มเพื่อจะทำให้หญิงสาวทุกคนมีความสุขให้ได้
เมื่อเราได้อ่านเนื้อเรื่องนี้เราจะพบว่า ถึงเจ้าเคนจะดูไม่น่าคบเพราะความเจ้าชู้
แต่มันเป็นคนดีที่น่าคบจริง ๆ ครับ
ไม่เช่นนั่นพวกสาว ๆ จะมาหลงมันทุกคนเหรอครับ
ยิ่งตอนที่มาฟูยุที่กลัวผู้ชายตบหน้าของพวกที่ว่าร้ายเขาโดยไม่กลัวเกรงนั่นแสดงภาพว่า ชายคนนี้เป็นคนที่มีคนรักและห่วงใยมากแค่ไหน
อีกอย่างที่ทำให้นิยายเรื่องนี้โดดเด่นก็คือ ภาษาที่อ่านง่ายและเรื่องราวที่พูดถึงความงดงามในชีวิตของโรงเรียนที่ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราสามารถมีมันได้เพียงครั้งเดียวเท่านั่น
ซึ่งเมื่อเราได้อ่านนิยายเราจะรู้สึกว่า
โรงเรียนนี้มีความสุขจริง ๆ
แต่เราก็รู้ว่า ความสุขนั่นไม่เคยจีรัง เช่นเดียวความทุกข์ นิยายเรื่องนี้จึงบอกว่า
จงใช้ชีวิตทุกวันอย่างสนุกสนานสิ
อย่าไปทุกข์อะไร เพราะอีกไม่นานทุกอย่างก็จะผ่านไป
เหมือนฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ
ลองหามาอ่านกันนะครับ
ผลงานนิยายที่โด่งดังที่สุดของโอตสึจิกับเรื่องราวคดีฆาตกรรมสุดสยองที่รวมเรื่องสั้นของชายหนุ่มผู้อยากฆ่าและหญิงสาวผู้ชื่นชอบความตาย
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 14 มกราคม พ.ศ. 2558
ผมเชื่อว่า หลายคนเป็นแฟนหนังสือของโอตสึจิ โอตสึจิเป็นนักเขียนนิยายชาวญี่ปุ่นที่มีผลงานเด่น ๆ หลายเรื่อง ซึ่งล้วนแต่เป็นงานที่ใช้ภาษาได้อย่างเก่งกาจและหลอกล่อคนดูด้วยลูกล่อลูกชนไปมามากมาย ซึ่งหนึ่งในผลงานชั้นยอดนั้นก็คือ เรื่อง คดีตัดข้อมือนี้ที่หลายคนที่อ่านต่างกล่าวขานถึงความยอดเยี่ยมของมัน
และแน่นอนว่าเมื่อนำมาแปลไทย นิยายเรื่องนี้ก็หมดไปอย่างรวดเร็วจนขาดตลาดไปช่วงนั้นและนำมาพิมพ์ใหม่อีกครั้งตามกระแสเรียกร้อง
เรื่องราวของคดีตัดข้อมือนั้นเป็นเรื่องสั้นจำนวนหกตอนที่มีศูนย์กลางคือ ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่า ผมตลอดเรื่องโดยที่เราไม่อาจจะทราบถึงชื่อจริงเขาจนกระทั่งบทท้าย และ หญิงสาวผมยาวสีดำผู้มืดมนอย่าง โมริโนะ โยรุ ที่ทั้งคู่จะต้องเผชิญหน้ากับจิตใจอันดำมืดของฆาตกรในคดีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีฆ่าผู้หญิง คดีตัดข้อมือ และเรื่องอื่น ๆ ซึ่งยิ่งอ่านเรื่องราวของฆาตกรมาเพียงใด
เราก็ยิ่งได้รู้ว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปวดที่สุดบนโลกใบนี้
สิ่งที่น่าสนใจของนิยายเรื่องนอกจากการเขียนขั่นเทพที่ใช้หลักภาษาได้อย่างคล่องแคล่วจนสามารถหลอกคนอ่านได้แล้ว ยังแฝงไปด้วยการตั้งคำถามของจิตใจมนุษย์ว่าเป็นอย่างไร
ซึ่งยิ่งอ่านเรายิ่งรุ้สึกว่า จิตใจของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจได้จริง ๆ ใครจะเชื่อว่า ชายที่หน้าตาดี ๆ มีงานทำดี ๆ จะเป็นฆาตกรโรคจิตที่ชอบตัดมือคนอื่น มีความคิดวิปริตสุดกู่ หรือแม้แต่ตัวละครเอกทั้งสองคนก็ต่างมีจิตใจที่บิดเบี้ยวอย่างยิ่ง
จนบางที่น่ากลัวกว่าฆาตกรเสียอีก
ดังนั้นนิยายเรื่องนี้จึงเป็นประสบการณ์การค้นหาจิตใจมนุษย์ที่ดำมืดที่สุดเรื่องหนึ่ง แล้ว คุณจะรุ้ว่า ทำไมโอตสึจิถึงได้รับการยกย่องจากนักอ่านนิยายหลายคน
และเป็นนักเขียนนิยายที่หลายคนบอกว่า ไม่มีทางที่จะทำเป็นสื่ออื่นได้นอกจากนิยายเท่านั้น
ลองไปหาอ่านนะครับ
และแน่นอนว่าเมื่อนำมาแปลไทย นิยายเรื่องนี้ก็หมดไปอย่างรวดเร็วจนขาดตลาดไปช่วงนั้นและนำมาพิมพ์ใหม่อีกครั้งตามกระแสเรียกร้อง
เรื่องราวของคดีตัดข้อมือนั้นเป็นเรื่องสั้นจำนวนหกตอนที่มีศูนย์กลางคือ ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่า ผมตลอดเรื่องโดยที่เราไม่อาจจะทราบถึงชื่อจริงเขาจนกระทั่งบทท้าย และ หญิงสาวผมยาวสีดำผู้มืดมนอย่าง โมริโนะ โยรุ ที่ทั้งคู่จะต้องเผชิญหน้ากับจิตใจอันดำมืดของฆาตกรในคดีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีฆ่าผู้หญิง คดีตัดข้อมือ และเรื่องอื่น ๆ ซึ่งยิ่งอ่านเรื่องราวของฆาตกรมาเพียงใด
เราก็ยิ่งได้รู้ว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปวดที่สุดบนโลกใบนี้
สิ่งที่น่าสนใจของนิยายเรื่องนอกจากการเขียนขั่นเทพที่ใช้หลักภาษาได้อย่างคล่องแคล่วจนสามารถหลอกคนอ่านได้แล้ว ยังแฝงไปด้วยการตั้งคำถามของจิตใจมนุษย์ว่าเป็นอย่างไร
ซึ่งยิ่งอ่านเรายิ่งรุ้สึกว่า จิตใจของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจได้จริง ๆ ใครจะเชื่อว่า ชายที่หน้าตาดี ๆ มีงานทำดี ๆ จะเป็นฆาตกรโรคจิตที่ชอบตัดมือคนอื่น มีความคิดวิปริตสุดกู่ หรือแม้แต่ตัวละครเอกทั้งสองคนก็ต่างมีจิตใจที่บิดเบี้ยวอย่างยิ่ง
จนบางที่น่ากลัวกว่าฆาตกรเสียอีก
ดังนั้นนิยายเรื่องนี้จึงเป็นประสบการณ์การค้นหาจิตใจมนุษย์ที่ดำมืดที่สุดเรื่องหนึ่ง แล้ว คุณจะรุ้ว่า ทำไมโอตสึจิถึงได้รับการยกย่องจากนักอ่านนิยายหลายคน
และเป็นนักเขียนนิยายที่หลายคนบอกว่า ไม่มีทางที่จะทำเป็นสื่ออื่นได้นอกจากนิยายเท่านั้น
ลองไปหาอ่านนะครับ
อีกหนึ่งผลงานสืบสวนของคินดะอิจิ ยอดนักสืบที่ไม่ควรพลาด แม้จะด้อยกว่าตอนอื่นแต่ก็สนุกไม่ใช่น้อยครับ
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 11 มกราคม พ.ศ. 2558
แน่นอนว่า มีนิยายเล่มที่สนุกมาก เขียนดีมาก หรือ ท้าทายมากเพียงใดก็มีตอนที่ที่เฉย ๆ หรือแย่ออกมาเหมือนกัน ซึ่งบทผีเสื้ออมตะนี่อยู่ในสภาพที่เรียกว่า เฉย ๆ ครับ อาจจะเพราะ อ่านตอนพีคไปเยอะก็เลยทำให้มาอ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า มันเฉย ๆ ไปพอควรเลย
เรื่องราวของบทนี้เกิดขึ้นเมื่อคินดะอิจิได้รับการว่าจ้างจากผู้เฒ่าโมขุเอแห่งตระกูลยาเบะในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพื่อสืบประวัติของหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่า อายูกาว่า คิมิเอะ ที่ผูเฒ่าสงสัยว่า เธอคือ หญิงสาวที่ชื่อว่าโทโมโกะ ที่หายตัวไปหลังจากฆ่าลูกชายของเขาไปแล้ว ทว่าเมื่อมาถึงคินดะอิจิไปก็พบว่า งานสืบประวัตินี้ดันกลายเป็นการฆาตกรรมอีกแล้ว เมื่อผู้เฒาโมขุเอถูกฆ่าตายด้วยวิธีเดียวกับที่ลูกชายของเขาถูกฆ่าเมื่อหลายปีก่อน หรือว่า สิ่งที่เคยเกิดเมื่อหลายสิบปีก่อนจะเป็นจริงกันแน่ ใครคือฆาตกรรมกัน
ครับ ต้องบอกว่า ตอนนี้เป้นตอนพักผ่อนสบาย ๆ ไม่ใช่น้อยครับ เพราะเนื้อหาของดราม่าและเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างไปเรื่อยดีทีเดียว แถมยังเดาง่ายด้วย บอกด้วยความภาคภูมิใจเลยครับว่า ผมเดาตัวคนร้ายได้ตั้งแต่กลางเรื่องเลยนะ ส่วนทริคนี่ก็กะแล้วว่าต้องมีแบบนี้ เรียกว่า เป็นตอนที่ง่ายพอสมควรครับ มันเลยทำให้รู้สึกมันไม่น่าติดตามเท่าไหร่ ถึงดราม่าและบทเรื่องราวของมันจะน่าสนก็เถอะ
แต่การที่นิยายมันรีบไปหน่อย คือ มันรีบจบได้ง่าย ๆ ไปหน่อยทำให้นิยายมันดูไม่ค่อยพีคอ่ะ คือ ทั้งที่ตัวละครในเรื่องอย่าง มาริ สาวญี่ปุ่นลูกบุญธรรมมหาเศรษฐีบราซิลจะน่าสนใจและดูเป็นหญิงสาวที่เท่าทันคินดะอิจิมาก ๆ จนอยากให้มีเรื่องราวของเธอบ้างในฐานะนักสืบเหมือนกัน แต่เสียดายที่มันรีบเร่งไปหน่อยทำให้ผมได้แต่ถอนหายใจนะ แบบว่าจะเจอสาวที่ดูดีและน่าจดจำในนิยายของเซชิได้เนี่ย หายากครับ
แน่ล่ะว่า เนื้อหาส่วนมากของเล่มนี้ก็คงมุ่งเน้นไปการตีแผ่เย้ยหยันความไร้สาระไร้แก่นสารของคนชนชั้นสูงที่หมกมุ่นในกิเลสตัณหาเช่นเดิม ทั้งรัก โลภ โกรธ หลง ที่มันทำให้ผมอ่านเสร็จแล้วคิดว่า งานเขียนของคินดะอิจินั้นสะท้อนให้ภาพความล้มเหลวของชนชั้นสูงในยุคหลังสงครามโลกได้จบลง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงประเทศญี่ปุ่นไปมากทีเดียวและการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ทำใหเพวกตระกูลชนชั้นสูงค่อยสั่นคลอนหมดอำนาจลงไปทีล่ะน้อยจนมีสภาพเป็นวัตถุโบราณของยุคไปแล้ว
แน่่ล่ะว่า การพาเราไปเห็นความการเปลี่ยนแปลงของสังคมแล้ว คินดะอิจิยังตอกย้ำว่า เลวชั่วไม่ได้อยู่ที่ชนชั้นหรือเพศ แต่เป็นเรื่องสันดานของคนเราที่ต้องยับยั้งไม่ให้จิตใจนั้นตกไปอยู่ในวงเวียนของกิเลศนั้นให้ได้ต่างหาก
ดังนั้นไม่แปลกที่เรื่องนี้จะเป็นเสมือนคติสอนใจแก่คนอ่านที่บอกให้เราไม่หลงไปกับกิเลสเหล่านั่นเอง
เสียดายตอนนี้ไม่พีคเท่าสองตอนที่อ่านก่อนหน้านี้ครับ
แต่ใครจะเริ่มอ่านคินดะอิจิ ตอนนี้ก็โอเคครับ
เรื่องราวของบทนี้เกิดขึ้นเมื่อคินดะอิจิได้รับการว่าจ้างจากผู้เฒ่าโมขุเอแห่งตระกูลยาเบะในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพื่อสืบประวัติของหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่า อายูกาว่า คิมิเอะ ที่ผูเฒ่าสงสัยว่า เธอคือ หญิงสาวที่ชื่อว่าโทโมโกะ ที่หายตัวไปหลังจากฆ่าลูกชายของเขาไปแล้ว ทว่าเมื่อมาถึงคินดะอิจิไปก็พบว่า งานสืบประวัตินี้ดันกลายเป็นการฆาตกรรมอีกแล้ว เมื่อผู้เฒาโมขุเอถูกฆ่าตายด้วยวิธีเดียวกับที่ลูกชายของเขาถูกฆ่าเมื่อหลายปีก่อน หรือว่า สิ่งที่เคยเกิดเมื่อหลายสิบปีก่อนจะเป็นจริงกันแน่ ใครคือฆาตกรรมกัน
ครับ ต้องบอกว่า ตอนนี้เป้นตอนพักผ่อนสบาย ๆ ไม่ใช่น้อยครับ เพราะเนื้อหาของดราม่าและเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างไปเรื่อยดีทีเดียว แถมยังเดาง่ายด้วย บอกด้วยความภาคภูมิใจเลยครับว่า ผมเดาตัวคนร้ายได้ตั้งแต่กลางเรื่องเลยนะ ส่วนทริคนี่ก็กะแล้วว่าต้องมีแบบนี้ เรียกว่า เป็นตอนที่ง่ายพอสมควรครับ มันเลยทำให้รู้สึกมันไม่น่าติดตามเท่าไหร่ ถึงดราม่าและบทเรื่องราวของมันจะน่าสนก็เถอะ
แต่การที่นิยายมันรีบไปหน่อย คือ มันรีบจบได้ง่าย ๆ ไปหน่อยทำให้นิยายมันดูไม่ค่อยพีคอ่ะ คือ ทั้งที่ตัวละครในเรื่องอย่าง มาริ สาวญี่ปุ่นลูกบุญธรรมมหาเศรษฐีบราซิลจะน่าสนใจและดูเป็นหญิงสาวที่เท่าทันคินดะอิจิมาก ๆ จนอยากให้มีเรื่องราวของเธอบ้างในฐานะนักสืบเหมือนกัน แต่เสียดายที่มันรีบเร่งไปหน่อยทำให้ผมได้แต่ถอนหายใจนะ แบบว่าจะเจอสาวที่ดูดีและน่าจดจำในนิยายของเซชิได้เนี่ย หายากครับ
แน่ล่ะว่า เนื้อหาส่วนมากของเล่มนี้ก็คงมุ่งเน้นไปการตีแผ่เย้ยหยันความไร้สาระไร้แก่นสารของคนชนชั้นสูงที่หมกมุ่นในกิเลสตัณหาเช่นเดิม ทั้งรัก โลภ โกรธ หลง ที่มันทำให้ผมอ่านเสร็จแล้วคิดว่า งานเขียนของคินดะอิจินั้นสะท้อนให้ภาพความล้มเหลวของชนชั้นสูงในยุคหลังสงครามโลกได้จบลง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงประเทศญี่ปุ่นไปมากทีเดียวและการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ทำใหเพวกตระกูลชนชั้นสูงค่อยสั่นคลอนหมดอำนาจลงไปทีล่ะน้อยจนมีสภาพเป็นวัตถุโบราณของยุคไปแล้ว
แน่่ล่ะว่า การพาเราไปเห็นความการเปลี่ยนแปลงของสังคมแล้ว คินดะอิจิยังตอกย้ำว่า เลวชั่วไม่ได้อยู่ที่ชนชั้นหรือเพศ แต่เป็นเรื่องสันดานของคนเราที่ต้องยับยั้งไม่ให้จิตใจนั้นตกไปอยู่ในวงเวียนของกิเลศนั้นให้ได้ต่างหาก
ดังนั้นไม่แปลกที่เรื่องนี้จะเป็นเสมือนคติสอนใจแก่คนอ่านที่บอกให้เราไม่หลงไปกับกิเลสเหล่านั่นเอง
เสียดายตอนนี้ไม่พีคเท่าสองตอนที่อ่านก่อนหน้านี้ครับ
แต่ใครจะเริ่มอ่านคินดะอิจิ ตอนนี้ก็โอเคครับ
นิยายรักแจ่มใสที่โด่งดังที่สุดและทำให้ค่ายนี้เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว แต่สำหรับผมแล้ว อ่านแล้วเหนื่อยใจกับตัวละครจนเรียกได้ว่า ไม่ชอบเอาซะเลยครับ
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 07 มกราคม พ.ศ. 2558
ถ้าคุณกำลังมองหาต้นกำเนิดของนวนิยายวัยรุ่นที่ทำให้แจ่มใสเป็นค่ายหนังสือที่อุดมไปด้วยนิยายรักแบบนี้ได้ โดยที่ไม่มีใครกล้ามาแย่งชิงบัลลังก์ได้ คงต้องพูดว่า เป็นเพราะเรื่องนี้แหละครับที่ทำให้ค่ายแจ่มใสยืนหยัดอยู่ได้จนกลายเป็นค่ายหนังสือยักษ์ใหญ่เหมือนเช่นที่หลายคนเห็นในปัจจุบันนั่นเอง
เรื่องราว เนออน หญิงสาวผู้มีนิสัยไม่ยอมใครที่ปะป๊าของเธอกำลังจะจับเธอแต่งงานแบบคลุมถุงชนให้ทำให้พี่ชายของเธอต้องช่วยกันพาเธอหนีออกจากบ้านมาอยู่ในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งที่กันเสียก่อน และนั่นเองที่เนออนได้เข้าร่วมกับหอหญิงร่วมมือกันชิงถ้วยทูตแห่งแสงมาจากหอชายได้สำเร็จทำให้เธอได้รับฉายาจากเหล่านักเรียนชายว่า ยัยปีศาจและต้องเผชิญหน้ากับ เบียร์ หนุ่มหล่อผู้มีศักดิ์เป็นหลานของเจ้าโรงเรียนแห่งนี้ สงครามการเผชิญหน้าระหว่างหนุ่มหล่อกับสาวแสบเริ่มโดยหารุ้ไม่ว่า พวกเขากำลังจะตกหลุมรักซึ่งกันเองเสียแล้ว
ครับ นี่เป็นนิยายแจ่มใสเรื่องแรกที่ผมลองอ่านก่อนจะพบว่า มันเป็นนิยายที่ผมใช้เวลาในการอ่านมากที่สุดเท่าที่เคยใช้มาตลอดชีวิตเลยทีเดียว (ไม่ได้พูดเล่นนะ) เพราะมันเป็นนิยายอ่านยากโคตร ๆ ด้วยเหตุผลก็คือ มันเป็นนิยายที่เน้นอารมณ์เป็นสื่อได้อย่างดี เพราะ เน้นไปที่ภาษาแบบวัยรุ่นคุยกัน ทั้งภาษาวิบัติและอื่น ๆ จนอ่านไปรำคาญไปอีกต่างหาก (บอกตรงเลยว่า เหนื่อยมาก) ยิ่งมีอีโมติค่อนอีกยิ่งทำให้รู้สึกได้เลยว่า มันเป็นนิยายที่แต่งงานขึ้นมาในช่วงสมัยนิยมยุคนั้นเลยจริง ๆ และเป็นอะไรที่ผมเซ็งมาก ๆ นะ ขอบอกเลย
แน่นอนว่า เมื่อตัดเรื่องสไตล์หรือการเขียนออกไป นิยายก็ไม่ได้มีอะไรอื่นนอกจากเรื่องพ่อแง่แม่งอนที่ตัวละครทะเลาะกันตอนแรกแล้วค่อย ๆ รักกันเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย แต่ที่ทำให้มันโดดเด่นก็คือ ลักษณะคำพูดของตัวละครที่มีนดูมีชีวิตชีวาเอามาก ๆ จนแทบเห็นหน้าของตัวละครกำลังจะพูดออกมาได้ชัดเจนเลยทีเดียว ก็ไม่แปลกใจที่มันจะเข้าถึงวัยรุ่นได้ง่ายกว่านิยายอื่น ๆ ตรงที่ความที่มันคือ ตัวตนของวัยรุ่นยุคใหม่ที่ไม่ชอบอะไรยืด ๆ หรือบรรยายยาว ๆ มาเป็นบรรยายแบบการ์ตูนที่ง่ายและกระชับชับไวกว่านัก ถึงจะพูดแค่ความรักแต่ก็สะท้อนถึงตัวตนของวัยรุ่นชนชั้นกลางยุคปัจจุบันออกมาได้อย่างน่าสนใจครับ
ถ้าจะเริ่มอ่านนิยายแจ่มใสล่ะก็เรื่องนี้น่าสนใจมากครับ เพราะ มันดังมาก ๆ จนมีแฟนคลับมากมายเลยทีเดียว และมีการรีปกใหม่หลายครั้งมากครับ
เรื่องราว เนออน หญิงสาวผู้มีนิสัยไม่ยอมใครที่ปะป๊าของเธอกำลังจะจับเธอแต่งงานแบบคลุมถุงชนให้ทำให้พี่ชายของเธอต้องช่วยกันพาเธอหนีออกจากบ้านมาอยู่ในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งที่กันเสียก่อน และนั่นเองที่เนออนได้เข้าร่วมกับหอหญิงร่วมมือกันชิงถ้วยทูตแห่งแสงมาจากหอชายได้สำเร็จทำให้เธอได้รับฉายาจากเหล่านักเรียนชายว่า ยัยปีศาจและต้องเผชิญหน้ากับ เบียร์ หนุ่มหล่อผู้มีศักดิ์เป็นหลานของเจ้าโรงเรียนแห่งนี้ สงครามการเผชิญหน้าระหว่างหนุ่มหล่อกับสาวแสบเริ่มโดยหารุ้ไม่ว่า พวกเขากำลังจะตกหลุมรักซึ่งกันเองเสียแล้ว
ครับ นี่เป็นนิยายแจ่มใสเรื่องแรกที่ผมลองอ่านก่อนจะพบว่า มันเป็นนิยายที่ผมใช้เวลาในการอ่านมากที่สุดเท่าที่เคยใช้มาตลอดชีวิตเลยทีเดียว (ไม่ได้พูดเล่นนะ) เพราะมันเป็นนิยายอ่านยากโคตร ๆ ด้วยเหตุผลก็คือ มันเป็นนิยายที่เน้นอารมณ์เป็นสื่อได้อย่างดี เพราะ เน้นไปที่ภาษาแบบวัยรุ่นคุยกัน ทั้งภาษาวิบัติและอื่น ๆ จนอ่านไปรำคาญไปอีกต่างหาก (บอกตรงเลยว่า เหนื่อยมาก) ยิ่งมีอีโมติค่อนอีกยิ่งทำให้รู้สึกได้เลยว่า มันเป็นนิยายที่แต่งงานขึ้นมาในช่วงสมัยนิยมยุคนั้นเลยจริง ๆ และเป็นอะไรที่ผมเซ็งมาก ๆ นะ ขอบอกเลย
แน่นอนว่า เมื่อตัดเรื่องสไตล์หรือการเขียนออกไป นิยายก็ไม่ได้มีอะไรอื่นนอกจากเรื่องพ่อแง่แม่งอนที่ตัวละครทะเลาะกันตอนแรกแล้วค่อย ๆ รักกันเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย แต่ที่ทำให้มันโดดเด่นก็คือ ลักษณะคำพูดของตัวละครที่มีนดูมีชีวิตชีวาเอามาก ๆ จนแทบเห็นหน้าของตัวละครกำลังจะพูดออกมาได้ชัดเจนเลยทีเดียว ก็ไม่แปลกใจที่มันจะเข้าถึงวัยรุ่นได้ง่ายกว่านิยายอื่น ๆ ตรงที่ความที่มันคือ ตัวตนของวัยรุ่นยุคใหม่ที่ไม่ชอบอะไรยืด ๆ หรือบรรยายยาว ๆ มาเป็นบรรยายแบบการ์ตูนที่ง่ายและกระชับชับไวกว่านัก ถึงจะพูดแค่ความรักแต่ก็สะท้อนถึงตัวตนของวัยรุ่นชนชั้นกลางยุคปัจจุบันออกมาได้อย่างน่าสนใจครับ
ถ้าจะเริ่มอ่านนิยายแจ่มใสล่ะก็เรื่องนี้น่าสนใจมากครับ เพราะ มันดังมาก ๆ จนมีแฟนคลับมากมายเลยทีเดียว และมีการรีปกใหม่หลายครั้งมากครับ
นิยายไซไฟสยองขวัญฝีมือคนไทยที่อ่านแล้ววางไม่ลง จนอยากให้มีภาคต่อ
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 01 มกราคม พ.ศ. 2558
ต้องบอกว่าเป็นนิยายที่สะดุดตาตั้งแตเห็นปกกันเลยทีเดียว เรื่องนี้ผมซื้อตั้งแต่งานหนังสือต้นปีที่แล้วครับ เพราะ เห็นปกเป็นหญิงสาวท่าทางสวยงามมีมือเหมือสัตว์ประหลาดด้วยความสงสัยเลยซื้อมาดูแล้วดองยาวจนเบื่อ ๆ ก็เลยหยิบมาอ่านแล้วพบว่า วางไม่ลงครับ เออ สนุกใช้ได้เลยครับ เป็นงานแนวไซไฟสยองขวัญที่ใช้ได้เหมือนกันนะ แถมเป็นนิยายคนไทยเขียนอีกก็นับว่าไม่เลวครับ
เรื่องราวของ วิทย์ นักเรียนแพทย์หนุ่มได้พบว่า เพื่อนสนิทของเขาได้หายตัวไปหลังจากไปเที่ยวกับ แก้ว นักศึกษาแพทย์คนสวยของคณะ ก่อนที่วิทย์ที่เป็นห่วงเพื่อนของเขามากพยายามสืบหาและพบว่า แก้วไม่ใช่มนุษย์แต่สิ่งมีชีวิตประหลาดที่กลืนกินมนุษย์และที่สำคัญมันสามารถเปลี่ยนร่างได้อย่างอิสระ และมันจะไม่หยุดจนกว่าใครที่รู้ตัวตนของมันจะหายไปหมดสิ้น วิทย์กับเพื่อนพ้องต้องหาทางหยุดมันให้ได้ แต่ว่าพวกเขาจะเอาตัวรอดจากสิ่งมีชีวิตตนนี้ได้ยังไง
ครับ บอกตามตรงเลยว่า อ่านเรื่องนี้จบผมนึกถึงหนังไซไฟสยองขวัญชื่อดังอย่าง The Thing Species The Faculty ขึ้นมาเลยครับ ในด้านการออกแบบลักษณะสัตว์ประหลาดในเรื่องที่ออกมาในรูปแบบสาวสวยสุดเซ็กซี่ รวมทั้งการดำเนินเรื่องที่เกิดขึ้นในสถานที่อย่าง มหาวิทยาลัยแพทย์กลางเมืองที่มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งพยายามหาทางหยุดยั้งเธอให้ได้ แน่ล่ะครับ มันเป็นงานสยองขวัญที่มีกลิ่นอายของหนังสยองขวัญเกรดบีพวกนี้ไม่ใช่น้อย กระนั้นเองคนเขียนก็ฉลาดพอจะพสานตำนานความเชื่อของคนไทยลงไปด้วย เอาจริงแล้วตอนเซอร์ไพรส์เฉลยเจ้าตัวนี้คืออะไร ผมก็อุทานนะ เออแหะ เข้าใจคิดดีเหมือนกัน และผมเป็นพวกชอบงานเกรดบีแบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวได้ แถม เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้เรียกว่า เป็นสัตว์ประหลาดในฝันของผู้ชาย แถมมีเสน่ห์ด้วยครับ (บอกตามตรงว่า ดูดีกว่านางเอกในเรื่องหลายคนซะอีก) ผมอ่านไปแบบว่า จินตนาการขึ้นมาว่า ตัวละครตัวนี้มันเข้าขั้นโมเอะได้เลยนะ
เสียดายที่เรื่องนี้ดันเป็นตัวร้ายนี่สิ ถ้าเป็นญี่ปุ่นคงเป็นนางเอกไปแล้ว (นอกเรื่อง)
ครับ มันเป็นนิยายแนวสยองขวัญนี่ล่ะครับ มีลูกเกรดบีออกมาพอควร ซึ่งใครชอบแนวนี้ก็อ่านสนุกล่ะครับ แต่ปัญหาของนิยายก็มีครับ คือ มีการเล่าสลับมุมมองตัวละครเยอะมากจนแทบเรียกว่า มีมุมมองส่วนต่าง ๆ มากเหลือเกิน แต่ปัญหาคือ มันทำให้ทิศทางของเรื่องสับสนครับ คือ บางตอนก็ปรับอารมณ์ไม่ทันกำลังเล่าตัวนี้อยู่ พี่ก็ตัดไปเล่าตัวอื่น บางตัวเล่าแปปเดียวก็ไม่มีบทแล้ว คือ บางทีจังหวะอารมณ์ของงานนี้มันไม่ต่อเนื่องครับ ผลคือ งานมันเลยโดดไปมาระหว่างอารมณ์สนุกกับไม่สนุก แถมพอเปลี่ยนมุมมองตัวละครเล่า ไอ้มุมใหม่นี่ก็ไม่สนุกเหมือนกัน แถมตรรกะตัวละครเองหลายตัวก็มีปัญหาเล็ก ๆ จนไม่แปลกใจกับความวิบัติตัวเองเท่าใดนัก (ถ้าคุณคิดถึงหนังเกรดบีก็ตัวละครโง่ ๆ ที่ใส่ให้มาตายนี่ล่ะ)
แน่ล่ะครับว่า หนังสือพยายามเล่าเรื่องแบบวิทยาศาสตร์ในการอธิบายนี่ล่ะครับ แต่ปัญหาคืออยู่ ๆ พี่แกก็ใส่มาว่า อาวุธที่ทำลายมันได้คือ กริชทองคำ (ปวดกบาลเลย) มีองค์กรใหญ่อยู่เบื้องหลัง ผมนี่ยืนขึ้นเลยนะครับ แบบว่า อะไรวะ คือมันเหมือนจะจับยัดมาอธิบายเรื่องการกำเนิดตัวร้ายตัวนี้ล่ะครับ แต่ปัญหาคือไม่ได้เข้ากับเรื่องเลย แถมมุกทิ้งท้ายนี่ก็แบบว่านะ คือ หนังสือพยายามจะขยายภาพของเรื่องราวที่ใหญ่ขึ้นล่ะในภาคต่อไป (ที่ว่าคนเขียนคงเขียนต่อ) แต่ปัญหาคือ การปูความใหญ่ของมันมานี่ล่ะทำให้งานมันไม่ราบรื่นครับ และทำให้ความลึกซึ้งที่คนเขียนพยายามใส่ลงมาดูกระท่อนกระแท่นไปด้วย ผลคือ ผมแอบเสียดายตอนท้ายของงานครับ ผมก็กะแล้วว่า มันมาแบบนี้ แต่ถ้าจะปูให้เห็นใจตัวร้ายนั้น ผมคิดว่า ถ้าหนังสือทิ้งไอ้พล็อตใหญ่อย่างองค์กรไปแล้วใส่ความรู้สึกนึกคิดของตัวร้ายในเรื่องนี้ว่า รู้สึกเจ็บปวดการกระทำของตัวเอง ได้เรียนรู้อะไรจากการฆ่าคนอื่นจะดีมากครับ เราจะได้รู้สึกเห็นใจเธอ เพราะ ในชั่ววินาทีที่เราเห็นใจดันมาตอนท้ายเสียแล้ว มันเบาบางไปหน่อย ทั้งที่นี่คือ ตัวละครที่บิดให้เป็นนางเอกยังได้เลยนะ
ครับ ถึงจะมีช่องโหว่ไปหน่อย แต่ก็เป็นงานแนวไซไฟสยองขวัญของคนไทยที่อ่านเพลิน ๆ ดีครับ ตอนจบอาจจะเดาได้ล่ะ แต่ถือว่าเป็นงานที่ซื้อแล้วไม่เสียดายเงินครับ เพราะสนุกอยู่
แถมตัวร้ายโมเอะถูกใจคนดูด้วยนะครับ (ชอบตัวร้ายอ่ะ)
ใครสนใจเชิญเลยครับเรื่องนี้
เรื่องราวของ วิทย์ นักเรียนแพทย์หนุ่มได้พบว่า เพื่อนสนิทของเขาได้หายตัวไปหลังจากไปเที่ยวกับ แก้ว นักศึกษาแพทย์คนสวยของคณะ ก่อนที่วิทย์ที่เป็นห่วงเพื่อนของเขามากพยายามสืบหาและพบว่า แก้วไม่ใช่มนุษย์แต่สิ่งมีชีวิตประหลาดที่กลืนกินมนุษย์และที่สำคัญมันสามารถเปลี่ยนร่างได้อย่างอิสระ และมันจะไม่หยุดจนกว่าใครที่รู้ตัวตนของมันจะหายไปหมดสิ้น วิทย์กับเพื่อนพ้องต้องหาทางหยุดมันให้ได้ แต่ว่าพวกเขาจะเอาตัวรอดจากสิ่งมีชีวิตตนนี้ได้ยังไง
ครับ บอกตามตรงเลยว่า อ่านเรื่องนี้จบผมนึกถึงหนังไซไฟสยองขวัญชื่อดังอย่าง The Thing Species The Faculty ขึ้นมาเลยครับ ในด้านการออกแบบลักษณะสัตว์ประหลาดในเรื่องที่ออกมาในรูปแบบสาวสวยสุดเซ็กซี่ รวมทั้งการดำเนินเรื่องที่เกิดขึ้นในสถานที่อย่าง มหาวิทยาลัยแพทย์กลางเมืองที่มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งพยายามหาทางหยุดยั้งเธอให้ได้ แน่ล่ะครับ มันเป็นงานสยองขวัญที่มีกลิ่นอายของหนังสยองขวัญเกรดบีพวกนี้ไม่ใช่น้อย กระนั้นเองคนเขียนก็ฉลาดพอจะพสานตำนานความเชื่อของคนไทยลงไปด้วย เอาจริงแล้วตอนเซอร์ไพรส์เฉลยเจ้าตัวนี้คืออะไร ผมก็อุทานนะ เออแหะ เข้าใจคิดดีเหมือนกัน และผมเป็นพวกชอบงานเกรดบีแบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวได้ แถม เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้เรียกว่า เป็นสัตว์ประหลาดในฝันของผู้ชาย แถมมีเสน่ห์ด้วยครับ (บอกตามตรงว่า ดูดีกว่านางเอกในเรื่องหลายคนซะอีก) ผมอ่านไปแบบว่า จินตนาการขึ้นมาว่า ตัวละครตัวนี้มันเข้าขั้นโมเอะได้เลยนะ
เสียดายที่เรื่องนี้ดันเป็นตัวร้ายนี่สิ ถ้าเป็นญี่ปุ่นคงเป็นนางเอกไปแล้ว (นอกเรื่อง)
ครับ มันเป็นนิยายแนวสยองขวัญนี่ล่ะครับ มีลูกเกรดบีออกมาพอควร ซึ่งใครชอบแนวนี้ก็อ่านสนุกล่ะครับ แต่ปัญหาของนิยายก็มีครับ คือ มีการเล่าสลับมุมมองตัวละครเยอะมากจนแทบเรียกว่า มีมุมมองส่วนต่าง ๆ มากเหลือเกิน แต่ปัญหาคือ มันทำให้ทิศทางของเรื่องสับสนครับ คือ บางตอนก็ปรับอารมณ์ไม่ทันกำลังเล่าตัวนี้อยู่ พี่ก็ตัดไปเล่าตัวอื่น บางตัวเล่าแปปเดียวก็ไม่มีบทแล้ว คือ บางทีจังหวะอารมณ์ของงานนี้มันไม่ต่อเนื่องครับ ผลคือ งานมันเลยโดดไปมาระหว่างอารมณ์สนุกกับไม่สนุก แถมพอเปลี่ยนมุมมองตัวละครเล่า ไอ้มุมใหม่นี่ก็ไม่สนุกเหมือนกัน แถมตรรกะตัวละครเองหลายตัวก็มีปัญหาเล็ก ๆ จนไม่แปลกใจกับความวิบัติตัวเองเท่าใดนัก (ถ้าคุณคิดถึงหนังเกรดบีก็ตัวละครโง่ ๆ ที่ใส่ให้มาตายนี่ล่ะ)
แน่ล่ะครับว่า หนังสือพยายามเล่าเรื่องแบบวิทยาศาสตร์ในการอธิบายนี่ล่ะครับ แต่ปัญหาคืออยู่ ๆ พี่แกก็ใส่มาว่า อาวุธที่ทำลายมันได้คือ กริชทองคำ (ปวดกบาลเลย) มีองค์กรใหญ่อยู่เบื้องหลัง ผมนี่ยืนขึ้นเลยนะครับ แบบว่า อะไรวะ คือมันเหมือนจะจับยัดมาอธิบายเรื่องการกำเนิดตัวร้ายตัวนี้ล่ะครับ แต่ปัญหาคือไม่ได้เข้ากับเรื่องเลย แถมมุกทิ้งท้ายนี่ก็แบบว่านะ คือ หนังสือพยายามจะขยายภาพของเรื่องราวที่ใหญ่ขึ้นล่ะในภาคต่อไป (ที่ว่าคนเขียนคงเขียนต่อ) แต่ปัญหาคือ การปูความใหญ่ของมันมานี่ล่ะทำให้งานมันไม่ราบรื่นครับ และทำให้ความลึกซึ้งที่คนเขียนพยายามใส่ลงมาดูกระท่อนกระแท่นไปด้วย ผลคือ ผมแอบเสียดายตอนท้ายของงานครับ ผมก็กะแล้วว่า มันมาแบบนี้ แต่ถ้าจะปูให้เห็นใจตัวร้ายนั้น ผมคิดว่า ถ้าหนังสือทิ้งไอ้พล็อตใหญ่อย่างองค์กรไปแล้วใส่ความรู้สึกนึกคิดของตัวร้ายในเรื่องนี้ว่า รู้สึกเจ็บปวดการกระทำของตัวเอง ได้เรียนรู้อะไรจากการฆ่าคนอื่นจะดีมากครับ เราจะได้รู้สึกเห็นใจเธอ เพราะ ในชั่ววินาทีที่เราเห็นใจดันมาตอนท้ายเสียแล้ว มันเบาบางไปหน่อย ทั้งที่นี่คือ ตัวละครที่บิดให้เป็นนางเอกยังได้เลยนะ
ครับ ถึงจะมีช่องโหว่ไปหน่อย แต่ก็เป็นงานแนวไซไฟสยองขวัญของคนไทยที่อ่านเพลิน ๆ ดีครับ ตอนจบอาจจะเดาได้ล่ะ แต่ถือว่าเป็นงานที่ซื้อแล้วไม่เสียดายเงินครับ เพราะสนุกอยู่
แถมตัวร้ายโมเอะถูกใจคนดูด้วยนะครับ (ชอบตัวร้ายอ่ะ)
ใครสนใจเชิญเลยครับเรื่องนี้
ผลงานเหนือธรรมชาติ สืบสวนสยองขวัญชั้นดีกับชายหนุ่มที่สามารถย้อนเวลากับไปยังจุดตัวเซฟไว้ได้ ใครชอบแนวนี้จัดไปเลยครับ
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ถ้าชีวิตสามารถเซฟ ณ จุดใดก็ได้ และ โหลดกลับไปใช้ชีวิตใหม่ได้แบบเกม มันจะเป็นยังไงกันหน่อ ?
นี่คือเรื่องราวของชีวิตอันแสนสะดวกสบายของซาคากิ คิโยโตะ ชายหนุ่มผู้มีพลังพิเศษที่ตื่นขึ้นมาเองได้แก่ พลังที่สามารถย้อนชีวิตไปในช่วงที่เซฟเอาไว้ก่อนหน้านี้เพื่อเล่นใหม่อีกครั้งแบบเกม โดยเขาต้องตายก่อนถึงจะย้อนกลับไปได้ ซึ่งตัวเขาทำแบบนี้จนชินไปแล้ว แต่ทว่าวันหนึ่งขณะที่กำลังเตรียมฆ่าตัวตายเพื่อย้อนกลับไปอีกครั้ง เขาก็ได้พบว่า มีคนมากระโดดตึกเขาด้วย เธอคนนั้นคือ ยุย เพื่อนสมัยเด็กของเขาที่ไม่เจอกันนานแล้ว นั่นเองที่ทำให้คิโยโตะตัดสินใจออกสืบว่า เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสมัยเด็กคนนี้กันแน่ทำไมเธอถึงฆ่าตัวตายกันแน่ และแน่นอนว่ายิ่งสืบเขายิ่งพบเบาะแสเกี่ยวกับ นักควักลูกตา ฆาตกรรมที่ฆ่าคนอยู่ในตอนนี้ และได้รับรู้ถึงปัญหาครอบครัวของยุยที่เขาไม่รู้ด้วย ทว่ายิ่งสืบชีวิตของเขาและคนรอบข้างก็อยู่ในอันตรายเหมือนกัน
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แน่นอนว่า โนเวลสืบสวนปนเหนือธรรมชาติเรื่องนี้มีจุดเด่นที่บรรยายภาพของความตายได้สมจริงและน่าสยดสยองอย่างยิ่งราวกับไปฆ่าตัวตายมาจริง ๆ แต่ที่น่าสนใจคือ การพูดถึงคุณค่าของชีวิตด้วยคำถาม ถ้าคนเรามันมันสามารถย้อนเวลาได้ เซฟได้ โหลดได้แบบคิโยโตะจริง ๆ มันจะเป็นยังไง เพราะนั้นหมายความว่า คุณจะใช้ชีวิตแย่ ๆ แค่ไหนแค่ฆ่าตัวตายก็จบแล้ว ซึ่งเป็นเหมือนการหนีอย่างหนึ่ง ซึ่งก็บอกว่า เป็นระบบที่น่าสนใจดี ถ้าคนเราจะทำแบบนั้น แต่นั้นหมายความว่า คนเราจะลดทอนคุณค่าของชีวิตไปหมดสิ้น เราจะเบื่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อะไรที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ มันย่อมไม่ตื่นเต้นอยู่แล้ว เหมือนเช่นชีวิต ถ้ามันตายแล้วโหลดใหม่ขึ้นมาอีก มันจะมีคุณค่ายังไงกัน
ชีวิตมันจะงดงามได้อย่างไร เมื่อรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว
แน่ล่ะว่า จากใช้พลังนี้เพื่อตัวเอง เพื่อหาอะไรสนุกเล่น ๆ นี่คือครั้งแรกที่คิโยโตะใช้พลังนี้เพื่อคนอื่น เพื่อหญิงสาวที่สำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งต้องถามว่า เรื่องราวทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นจากที่เขาย้อนเวลาไปมาจนแน่ใจแล้วว่า
ใครคือสิ่งที่มหัศจรรย์ของเขากันแน่
ใครคือสิ่งที่เขาไม่อาจจะใช้ความสามารถย้อนกลับมาอีกกันแน่
เหมือนมันจะบอกเราว่า ถ้าเราไม่มีพลังนี้ก็จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุดตราบเท่าที่ชีวิตของเรายังมีลมหายใจอยู่
ลองอ่านจะติดใจครับ โดยเฉพาะรุ่นพี่แว่นนี่แบบว่า รักพี่เสียน้องจริง ๆ เก็บน้องแทนได้ไหม 5555
จัดเลยครับ อย่าให้เสีย
นี่คือเรื่องราวของชีวิตอันแสนสะดวกสบายของซาคากิ คิโยโตะ ชายหนุ่มผู้มีพลังพิเศษที่ตื่นขึ้นมาเองได้แก่ พลังที่สามารถย้อนชีวิตไปในช่วงที่เซฟเอาไว้ก่อนหน้านี้เพื่อเล่นใหม่อีกครั้งแบบเกม โดยเขาต้องตายก่อนถึงจะย้อนกลับไปได้ ซึ่งตัวเขาทำแบบนี้จนชินไปแล้ว แต่ทว่าวันหนึ่งขณะที่กำลังเตรียมฆ่าตัวตายเพื่อย้อนกลับไปอีกครั้ง เขาก็ได้พบว่า มีคนมากระโดดตึกเขาด้วย เธอคนนั้นคือ ยุย เพื่อนสมัยเด็กของเขาที่ไม่เจอกันนานแล้ว นั่นเองที่ทำให้คิโยโตะตัดสินใจออกสืบว่า เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสมัยเด็กคนนี้กันแน่ทำไมเธอถึงฆ่าตัวตายกันแน่ และแน่นอนว่ายิ่งสืบเขายิ่งพบเบาะแสเกี่ยวกับ นักควักลูกตา ฆาตกรรมที่ฆ่าคนอยู่ในตอนนี้ และได้รับรู้ถึงปัญหาครอบครัวของยุยที่เขาไม่รู้ด้วย ทว่ายิ่งสืบชีวิตของเขาและคนรอบข้างก็อยู่ในอันตรายเหมือนกัน
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แน่นอนว่า โนเวลสืบสวนปนเหนือธรรมชาติเรื่องนี้มีจุดเด่นที่บรรยายภาพของความตายได้สมจริงและน่าสยดสยองอย่างยิ่งราวกับไปฆ่าตัวตายมาจริง ๆ แต่ที่น่าสนใจคือ การพูดถึงคุณค่าของชีวิตด้วยคำถาม ถ้าคนเรามันมันสามารถย้อนเวลาได้ เซฟได้ โหลดได้แบบคิโยโตะจริง ๆ มันจะเป็นยังไง เพราะนั้นหมายความว่า คุณจะใช้ชีวิตแย่ ๆ แค่ไหนแค่ฆ่าตัวตายก็จบแล้ว ซึ่งเป็นเหมือนการหนีอย่างหนึ่ง ซึ่งก็บอกว่า เป็นระบบที่น่าสนใจดี ถ้าคนเราจะทำแบบนั้น แต่นั้นหมายความว่า คนเราจะลดทอนคุณค่าของชีวิตไปหมดสิ้น เราจะเบื่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อะไรที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ มันย่อมไม่ตื่นเต้นอยู่แล้ว เหมือนเช่นชีวิต ถ้ามันตายแล้วโหลดใหม่ขึ้นมาอีก มันจะมีคุณค่ายังไงกัน
ชีวิตมันจะงดงามได้อย่างไร เมื่อรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว
แน่ล่ะว่า จากใช้พลังนี้เพื่อตัวเอง เพื่อหาอะไรสนุกเล่น ๆ นี่คือครั้งแรกที่คิโยโตะใช้พลังนี้เพื่อคนอื่น เพื่อหญิงสาวที่สำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งต้องถามว่า เรื่องราวทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นจากที่เขาย้อนเวลาไปมาจนแน่ใจแล้วว่า
ใครคือสิ่งที่มหัศจรรย์ของเขากันแน่
ใครคือสิ่งที่เขาไม่อาจจะใช้ความสามารถย้อนกลับมาอีกกันแน่
เหมือนมันจะบอกเราว่า ถ้าเราไม่มีพลังนี้ก็จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุดตราบเท่าที่ชีวิตของเรายังมีลมหายใจอยู่
ลองอ่านจะติดใจครับ โดยเฉพาะรุ่นพี่แว่นนี่แบบว่า รักพี่เสียน้องจริง ๆ เก็บน้องแทนได้ไหม 5555
จัดเลยครับ อย่าให้เสีย
ผลงานสืบสวนอลวนชวนหัวของชายหนุ่มดวงซวยที่ดันไปลักพาตัวลูกสาวยากูซ่าสุดแสบที่ต้องไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมสุดมึน อ่านแล้วสนุกจนจบเล่ม
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557
สนุกมากกกกกกกกกกก สนุกจนวางไม่หลงเลยครับเรื่องราวแนวชวนหัวแบบสืบสวนญี่ปุ่นบวกแนวไลท์โนเวลที่อ่านเพลินมาก ๆ จนไม่แปลกใจว่า ทำไมมันถึงถูกดัดแปลงเป้นซีรีย์ฉายที่ญี่ปุ่นได้ ก็เพราะมันมันส์ขนาดนี้นี่เอง
เรื่องราวของนักศึกษาหนุ่มอย่าง โชทาโร่ ที่กำลังขายทาโกยากิอยู่ในเมืองแห่งหนึ่งและด้วยบังเอิญเด็กสาวคนหนึ่งไว้จากพวกยากูซ่าที่ไล่จับเธอก่อนจะพบว่า เธอคือ ลูกสาวคนเล็กของยากูซ่าแก็งค์นั่นน่ะแหละที่หนีพวกนั้นเพราะต้องการไปเหยียบน้องสาวต่างพ่อที่ป่วยอยู่ในเมืองของโชทาโร่และเพือหาเงินมารักษาน้องสาวคนนี้ เธอกับโชทาโร่และรุ่นพี่ของเขาจึงวางแผนลักพาตัวหลอก ๆ เพือเอาเงินมารักษาน้องสาว แผนการลักพาตัวหลอก ๆ จึงเกิดขึ้น แต่ที่สนุกกว่านั้นก็คือ ดันทีคดีฆาตกรรมประหลาดที่เกี่ยวข้องกับแบงค์ปลอมเกิดขึ้นในแก๊งค์ยากูซ่าด้วยนี่สิ
ครับ ต้องบอกว่า เป็นนิยายเรื่องวุ่นวายและมะรุ้มมะตุ่มเรื่องราวอย่างสุดครับ ใครจะคิดว่า พล็อตแม่งจะวุ่นได้ขนาดนี้ แต่คนเขียนก็เก่งที่เขียนออกมาได้ให้เราเข้าใจได้ทั้งเรื่องเหมือนกัน และแถมยังคลี่คลายคดีมันได้ดีด้วย ต้องบอกว่า นี่คือ งานนิยายสืบสวนชวนหัวที่สนุกใช่เล่นอ่านเพลินดี เท่านั้นไม่พอ ตัวละครยังมีเสน่ห์มาก ๆ ด้วยเหมือนกัน (พี่สาวของนางเอกเรื่องนี้เด่นมาก เด่นจนเป็นนางเอกแทนยังได้เลย เพราะ เจ้แกนี่แบบว่า สุด ๆ ทั้งบู้โคตรเทพ สืบคดีเก่งด้วย) แน่ล่ะว่า ความเด่นของมันคือ การบรรยายครีบ เรื่องนี้บรรยายง่าย ๆ เหมือนอ่านไลท์โนเวลแหละครับ ทำให้เน้นที่ดราม่าของแต่ล่ะคนมากกว่าการสืบสวนครับ แต่โดยรวมเป็นงานสนุกเลยล่ะ
ต้องบอกว่า ใครมองหานิยายญี่ปุ่นสนุกล่ะก็ เรื่องนี้ไม่ควรพลาดครับ
ชอบ...
เรื่องราวของนักศึกษาหนุ่มอย่าง โชทาโร่ ที่กำลังขายทาโกยากิอยู่ในเมืองแห่งหนึ่งและด้วยบังเอิญเด็กสาวคนหนึ่งไว้จากพวกยากูซ่าที่ไล่จับเธอก่อนจะพบว่า เธอคือ ลูกสาวคนเล็กของยากูซ่าแก็งค์นั่นน่ะแหละที่หนีพวกนั้นเพราะต้องการไปเหยียบน้องสาวต่างพ่อที่ป่วยอยู่ในเมืองของโชทาโร่และเพือหาเงินมารักษาน้องสาวคนนี้ เธอกับโชทาโร่และรุ่นพี่ของเขาจึงวางแผนลักพาตัวหลอก ๆ เพือเอาเงินมารักษาน้องสาว แผนการลักพาตัวหลอก ๆ จึงเกิดขึ้น แต่ที่สนุกกว่านั้นก็คือ ดันทีคดีฆาตกรรมประหลาดที่เกี่ยวข้องกับแบงค์ปลอมเกิดขึ้นในแก๊งค์ยากูซ่าด้วยนี่สิ
ครับ ต้องบอกว่า เป็นนิยายเรื่องวุ่นวายและมะรุ้มมะตุ่มเรื่องราวอย่างสุดครับ ใครจะคิดว่า พล็อตแม่งจะวุ่นได้ขนาดนี้ แต่คนเขียนก็เก่งที่เขียนออกมาได้ให้เราเข้าใจได้ทั้งเรื่องเหมือนกัน และแถมยังคลี่คลายคดีมันได้ดีด้วย ต้องบอกว่า นี่คือ งานนิยายสืบสวนชวนหัวที่สนุกใช่เล่นอ่านเพลินดี เท่านั้นไม่พอ ตัวละครยังมีเสน่ห์มาก ๆ ด้วยเหมือนกัน (พี่สาวของนางเอกเรื่องนี้เด่นมาก เด่นจนเป็นนางเอกแทนยังได้เลย เพราะ เจ้แกนี่แบบว่า สุด ๆ ทั้งบู้โคตรเทพ สืบคดีเก่งด้วย) แน่ล่ะว่า ความเด่นของมันคือ การบรรยายครีบ เรื่องนี้บรรยายง่าย ๆ เหมือนอ่านไลท์โนเวลแหละครับ ทำให้เน้นที่ดราม่าของแต่ล่ะคนมากกว่าการสืบสวนครับ แต่โดยรวมเป็นงานสนุกเลยล่ะ
ต้องบอกว่า ใครมองหานิยายญี่ปุ่นสนุกล่ะก็ เรื่องนี้ไม่ควรพลาดครับ
ชอบ...
สุดยอดผลงานที่ต้องจารึกไว้ของโยโคมิโซะ เซชิ กับผลงานสืบสวนหักมุมที่อ่านแล้วต้องอึ้งในฐานะหนึ่งในเรื่องที่ดีสุดของซีรีย์คินดะอิจิ
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557
หนึ่งในตอนที่ดีที่สุดของคินดะอิจิรุ่นปู่และถูกกล่าวขวัญว่า นี่คือ ตอนที่ตบหัวคนดูอย่างจังจนหลายคนไม่อาจจะลืมได้เลยด้วยซ้ำ และตัวผมเองก็ยกให้มันเป็นหนังสือที่ชอบทีสุดเล่มหนึ่งเลยทีเดียวเพราะนอกจาก ปกของมันที่ดูแล้วชวนผวาเอามาก ๆ เนื้อหาของเรื่องนี้ก็ทำให้ใครหลายคนลืมไม่หลงเช่นกัน
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ คินดะอิจิได้รับมอบหมายให้ไปสืบคดีฆาตกรรมสยองขวัญที่ตระกูลหนึ่งที่มีชื่อว่า ฟุรุงามิ เมื่อเกิดคดีฆาตกรรมฆ่าตัดหัวอันน่าสยดสยองขึ้นในบ้านหลังนี้ และนั่นเองที่ทำให้คินดะอิจิได้พบว่า คดีฆาตกรรมกันน่าสยดสยองนี้มีบางอย่างซ่อนอยู่ บางอย่างที่ทำให้เขาได้พบกับภาพความโกรธแค้น ความชั่วร้ายของมนุษย์ที่สามารถฆ่ามนุษย์ด้้วยกันได้แบบเลือดเย็น ท่ามกลางเรื่องราวของกิเลสตัณหาที่ซ่อนอยู่ในตระกูลเก่าแก่แห่งนี่ เขาจะจับตัวฆาตกรได้หรือไม่ หรือจะมีคนตายเพิ่มเติมอีกกันแน่
ครับ ต้องบอกว่า คินดะอิจิเล่มนี้นั้นค่อนข้างโดดเด่นมาก ๆ ในแง่การเล่าเรื่องครับ เพราะ นี่เป้นอีกครั้งที่อาจาย์เซชินั้นเล่าเรื่องโดยใช้มุมมองการเล่าจากตัวละครอืนที่ไม่ใช่คินดะอิจิครับ ซึ่งการเล่าเรื่องนี้เรียกได้ว่า เป็นของแปลกพอสมควร และแถมคนเล่าเรื่องนั้นยังเป็นนักเขียนนิยายสืบสวนด้วยทำให้สำนวนการเล่านั้นคล้ายกำลังอ่านบันทึกหรือนิยายสืบสวนอยู่อย่างไรอย่างงั้นครับ ซึ่งก็ถือว่า เป็นงานที่โดดเด่นเอามาก ๆ เพราะนอกจากสร้างดราม่าของตัวละครทุกตัว เอกลักษณ์ของตัวละครที่ทำออกได้่น่าสนใจแล้ว คดีนี้ยังหลอกคนอ่านได้ดีด้วย เพราะนี่คือ อีกครั้งทีอาจารย์เซชิหลอกคนอ่านหัวทิ่มกันไปเลยทีเดียว เพราะ คนร้ายในคดีนี้นั้นแกบอกใบ้ไว้ตลอดแล้วล่ะครับ แต่เราเดาพลาดเอง นั่นเองที่ทำให้เล่มนี้พีคเพราะการเขียนที่ทำให้นักสืบทั้งหลายพลาดท่ากันอย่างจังแทบทุกรายไปครับ การเขียนแอบแยบยลนี่ทำให้ตัวเซชิได้รับการยกย่องอย่างยิ่ง และผลงานเรื่องนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่างานสืบสวนนั้นไม่ต้องมีทริคพิศดาลอะไรหรอก แต่แค่เขียนดราม่าและใช้กลวิธีการหลอกคนดูให้ติดกับให้ได้เท่านั้นก็เพียงพอครับ
นั่นคือ สิ่งที่เซชิทำ
กระนั้นเองเล่มนี้ก็ยังคงเป็นนิยาบสืบสวนแบบที่คินดะอิจิทำมาตลอดนั่นคือ การสะท้อนความเลวแหลกทางชนชั้นโดยเฉพาะชนชั้นบนที่อันจะกินทั้งหลายคนญี่ปุ่นในยุคหลังสงครามโลกที่นิยายพาให้เราเห็นว่า พวกเขานั้นไม่ได้ต่างกับคนทั่วไปเลยที่ต่างมีกิเลสตัณหาความชั่วร้ายอยู่ในใจจนสามารถก่อคดีเลวร้ายในนี้ออกมาได้ และอย่างทีเห็นงานของเซชินั้นไม่ได้ให้ภาพของคนร้ายเลวทรามต่ำช้า แต่กลับแสดงภาพคนชนชั้นล่างที่คนชนชั้นบนกดขี่และกลั่นแกล้งจนต้องหาทางตอบโต้ด้วยความแค้นและความตายที่มีต่อคนพวกนั้นแน่ล่ะว่า หนังสือเรื่องนี้สะท้อนภาพของความแค้นระหว่างชนชั้นออกมาได้อย่างดีและมันชักจูงเราให้เห็นว่า คนที่ตายในเรื่องนั้นสมควรตายเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาทำแล้ว ฆาตกรในเรื่องนี้ยังดุเป็นคนน่าเห็นใจและเป็นคนดีกว่าเสียอีก
นี่เองคือ เสน่ห์ของนิยายสืบสวนของเซชิเล่มนี้ที่ยิ่งอ่านยิ่งมัน ยิ่งอยากรู้อยากเห็น และยอดเยี่ยมจนเกินบรรยายยิ่ง
นี่คือ เล่มที่ผมแนะนำให้ลองครับ มันจริง ๆ ให้ตายเถอะ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ คินดะอิจิได้รับมอบหมายให้ไปสืบคดีฆาตกรรมสยองขวัญที่ตระกูลหนึ่งที่มีชื่อว่า ฟุรุงามิ เมื่อเกิดคดีฆาตกรรมฆ่าตัดหัวอันน่าสยดสยองขึ้นในบ้านหลังนี้ และนั่นเองที่ทำให้คินดะอิจิได้พบว่า คดีฆาตกรรมกันน่าสยดสยองนี้มีบางอย่างซ่อนอยู่ บางอย่างที่ทำให้เขาได้พบกับภาพความโกรธแค้น ความชั่วร้ายของมนุษย์ที่สามารถฆ่ามนุษย์ด้้วยกันได้แบบเลือดเย็น ท่ามกลางเรื่องราวของกิเลสตัณหาที่ซ่อนอยู่ในตระกูลเก่าแก่แห่งนี่ เขาจะจับตัวฆาตกรได้หรือไม่ หรือจะมีคนตายเพิ่มเติมอีกกันแน่
ครับ ต้องบอกว่า คินดะอิจิเล่มนี้นั้นค่อนข้างโดดเด่นมาก ๆ ในแง่การเล่าเรื่องครับ เพราะ นี่เป้นอีกครั้งที่อาจาย์เซชินั้นเล่าเรื่องโดยใช้มุมมองการเล่าจากตัวละครอืนที่ไม่ใช่คินดะอิจิครับ ซึ่งการเล่าเรื่องนี้เรียกได้ว่า เป็นของแปลกพอสมควร และแถมคนเล่าเรื่องนั้นยังเป็นนักเขียนนิยายสืบสวนด้วยทำให้สำนวนการเล่านั้นคล้ายกำลังอ่านบันทึกหรือนิยายสืบสวนอยู่อย่างไรอย่างงั้นครับ ซึ่งก็ถือว่า เป็นงานที่โดดเด่นเอามาก ๆ เพราะนอกจากสร้างดราม่าของตัวละครทุกตัว เอกลักษณ์ของตัวละครที่ทำออกได้่น่าสนใจแล้ว คดีนี้ยังหลอกคนอ่านได้ดีด้วย เพราะนี่คือ อีกครั้งทีอาจารย์เซชิหลอกคนอ่านหัวทิ่มกันไปเลยทีเดียว เพราะ คนร้ายในคดีนี้นั้นแกบอกใบ้ไว้ตลอดแล้วล่ะครับ แต่เราเดาพลาดเอง นั่นเองที่ทำให้เล่มนี้พีคเพราะการเขียนที่ทำให้นักสืบทั้งหลายพลาดท่ากันอย่างจังแทบทุกรายไปครับ การเขียนแอบแยบยลนี่ทำให้ตัวเซชิได้รับการยกย่องอย่างยิ่ง และผลงานเรื่องนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่างานสืบสวนนั้นไม่ต้องมีทริคพิศดาลอะไรหรอก แต่แค่เขียนดราม่าและใช้กลวิธีการหลอกคนดูให้ติดกับให้ได้เท่านั้นก็เพียงพอครับ
นั่นคือ สิ่งที่เซชิทำ
กระนั้นเองเล่มนี้ก็ยังคงเป็นนิยาบสืบสวนแบบที่คินดะอิจิทำมาตลอดนั่นคือ การสะท้อนความเลวแหลกทางชนชั้นโดยเฉพาะชนชั้นบนที่อันจะกินทั้งหลายคนญี่ปุ่นในยุคหลังสงครามโลกที่นิยายพาให้เราเห็นว่า พวกเขานั้นไม่ได้ต่างกับคนทั่วไปเลยที่ต่างมีกิเลสตัณหาความชั่วร้ายอยู่ในใจจนสามารถก่อคดีเลวร้ายในนี้ออกมาได้ และอย่างทีเห็นงานของเซชินั้นไม่ได้ให้ภาพของคนร้ายเลวทรามต่ำช้า แต่กลับแสดงภาพคนชนชั้นล่างที่คนชนชั้นบนกดขี่และกลั่นแกล้งจนต้องหาทางตอบโต้ด้วยความแค้นและความตายที่มีต่อคนพวกนั้นแน่ล่ะว่า หนังสือเรื่องนี้สะท้อนภาพของความแค้นระหว่างชนชั้นออกมาได้อย่างดีและมันชักจูงเราให้เห็นว่า คนที่ตายในเรื่องนั้นสมควรตายเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาทำแล้ว ฆาตกรในเรื่องนี้ยังดุเป็นคนน่าเห็นใจและเป็นคนดีกว่าเสียอีก
นี่เองคือ เสน่ห์ของนิยายสืบสวนของเซชิเล่มนี้ที่ยิ่งอ่านยิ่งมัน ยิ่งอยากรู้อยากเห็น และยอดเยี่ยมจนเกินบรรยายยิ่ง
นี่คือ เล่มที่ผมแนะนำให้ลองครับ มันจริง ๆ ให้ตายเถอะ
เรื่องสั้นที่สะท้อนแง่มุมของผีในสังคมไทยในรูปแบบที่น่าสนใจภายการเมือง เซ็กซ์ และ ความมืดมิด อ่านแล้วทึ่งทุกเรื่องสั้นครับ
โดย: มิสเตอร์อเมริกัน วันที่เขียนรีวิว: 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ผลงานเข้ารอบชิงซีไรต์ปีนี้ของกล้า สุมทวณิชที่บอกตามตรงว่า เป็นงานเรื่องสั้นที่ค่อนข้างโดดเด่นพอสมควร เพราะ เป็นการหยิบจับเรื่องเหนือธรรมชาติอย่าง ผี ปีศาจและความกลัวในไทยมารับใช้กับการตีความเรื่องสังคมของไทยได้อย่างน่าสนใจ แน่ล่ะว่า เรื่องราวของหญิงเสานั้นพาเราไปพบกับเรื่องสั้นต่าง ๆ ที่ล้วนแล้วแต่หยิบความกลัวของภูตผีปีศาจและความกลัวของคนในสังคมเมืองมายั่วล้อได้อย่างน่ากลัว
ตั้งแต่เรื่องราวของผีไร้หน้าที่สะท้อนภาพความต่ำชั้นของคนชนชั้นล่างในสายตาคนเมืองหลังวันที่ 19 พฤษภาคม หรือ หญิงเสาที่สะท้อนภาพเรื่องเล่าของการกลัวไปเองที่มีตัวตนขึ้นมา การพูดถึงการไม่มีที่ทางของกวีชื่อดังเมือเขาได้โนเบลสันติภาพที่ไม่ว่าเข้าฝ่ายไหนก็โดนทั้งสิ้น ซึ่งหลายเรื่องก็ค่อนข้างดีและอ่านแล้วร้องเหยดดดดดดดดดดดยาวออกมาด้วยซ้ำ แต่เสียดายที่หลายเรื่องในเล่มนี้มีสภาพเอองุนงง อ่านไม่เข้าใจหรือไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องเด้วยเช่นกัน และผมรู้สึกว่า หลายเรื่องของงานนั้นมันรีบเร่งจบไปหน่อย หรือบางเรื่องขยายเป็นงานยาวน่าจะสนุกเหมือนกันอย่าง หญิงเสานี่ถ้าทำเป็นแนวนิยายรักเลิฟคอมเมดี้ก็น่าจะสนุกเหมือนกัน (ก็นางโมเอ้ซะขนาดนี้)
สิ่งผมชอบสุดในเล่มนี้คือ การหยิบเรื่องเหนือธรรมชาติมารับใช้การตีความสังคมและความกลัวของคนเมืองหลังจากวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งมันพาเรามาไกลมาก มันสะท้อนภาพของการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยบนฐานความกลัวได้อย่างดี หลายเรื่องพูดเรื่องอนาคตได้น่าตื่นเต้น บางเรื่องพูดถึงปัจจุบันได้น่าขนลุก บางเรื่องพูดถึงอดีตอันน่าสยดสยอง เสียดายเพียงแค่บางฉากของเรื่องนั้นยังไม่ได้มาก บางเรื่องสั้นก็ยังไม่เพียงพอ หรือฉากที่บรรยายยังไม่ทำให้คนมีอารมณ์หรือรู้สึกคุกคามเท่าใดนัก
แต่รวม ๆ แล้ว หากตัดเรื่องที่ไม่ถึงออกไปแล้ว หญิงสาและเรื่องราวอื่น ๆ คือ วรรณกรรมหลังการเมืองวันที่ 19 พฤาภาคม 2553 ที่อ่านแล้วรู้สึกชอบเล่มหนึ่งก็หวังว่าผู้เขียนเรื่องนี้จะมีงานใหม่ที่พาเราไปรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อีกครั้งในอนาคต
ป.ล. ชอบเรื่องผีไร้หน้า และ หญิงเสา และ เมื่อข้าพเจ้าได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมมากครับ
ตั้งแต่เรื่องราวของผีไร้หน้าที่สะท้อนภาพความต่ำชั้นของคนชนชั้นล่างในสายตาคนเมืองหลังวันที่ 19 พฤษภาคม หรือ หญิงเสาที่สะท้อนภาพเรื่องเล่าของการกลัวไปเองที่มีตัวตนขึ้นมา การพูดถึงการไม่มีที่ทางของกวีชื่อดังเมือเขาได้โนเบลสันติภาพที่ไม่ว่าเข้าฝ่ายไหนก็โดนทั้งสิ้น ซึ่งหลายเรื่องก็ค่อนข้างดีและอ่านแล้วร้องเหยดดดดดดดดดดดยาวออกมาด้วยซ้ำ แต่เสียดายที่หลายเรื่องในเล่มนี้มีสภาพเอองุนงง อ่านไม่เข้าใจหรือไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องเด้วยเช่นกัน และผมรู้สึกว่า หลายเรื่องของงานนั้นมันรีบเร่งจบไปหน่อย หรือบางเรื่องขยายเป็นงานยาวน่าจะสนุกเหมือนกันอย่าง หญิงเสานี่ถ้าทำเป็นแนวนิยายรักเลิฟคอมเมดี้ก็น่าจะสนุกเหมือนกัน (ก็นางโมเอ้ซะขนาดนี้)
สิ่งผมชอบสุดในเล่มนี้คือ การหยิบเรื่องเหนือธรรมชาติมารับใช้การตีความสังคมและความกลัวของคนเมืองหลังจากวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งมันพาเรามาไกลมาก มันสะท้อนภาพของการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยบนฐานความกลัวได้อย่างดี หลายเรื่องพูดเรื่องอนาคตได้น่าตื่นเต้น บางเรื่องพูดถึงปัจจุบันได้น่าขนลุก บางเรื่องพูดถึงอดีตอันน่าสยดสยอง เสียดายเพียงแค่บางฉากของเรื่องนั้นยังไม่ได้มาก บางเรื่องสั้นก็ยังไม่เพียงพอ หรือฉากที่บรรยายยังไม่ทำให้คนมีอารมณ์หรือรู้สึกคุกคามเท่าใดนัก
แต่รวม ๆ แล้ว หากตัดเรื่องที่ไม่ถึงออกไปแล้ว หญิงสาและเรื่องราวอื่น ๆ คือ วรรณกรรมหลังการเมืองวันที่ 19 พฤาภาคม 2553 ที่อ่านแล้วรู้สึกชอบเล่มหนึ่งก็หวังว่าผู้เขียนเรื่องนี้จะมีงานใหม่ที่พาเราไปรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อีกครั้งในอนาคต
ป.ล. ชอบเรื่องผีไร้หน้า และ หญิงเสา และ เมื่อข้าพเจ้าได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมมากครับ